ปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์ใน TFEX เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากที่มียอดการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 1,204 สัญญาในปี 2006 เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยวันละ 147,025 สัญญาในปี 2014 ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าอนุพันธ์ใน TFEX เป็นอีกหนี่งช่องทางในการลงทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ด้วยลักษณะเด่นของอนุพันธ์ใน TFEX ที่มีสินค้าอ้างอิงให้เลือกลงทุนหลากหลาย
เช่น ดัชนีหลักทรัพย์ หุ้นรายตัว ทองคำ น้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน และการซื้อขายอนุพันธ์ที่สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลงโดยใช้เงินลงทุนที่น้อยกว่าการลงทุนในหุ้น ผมเชื่อว่าปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์ใน TFEX จะยังเติบโตขี้นอีกเรื่อยๆ
สำหรับมือใหม่ที่เริ่มสนใจซื้อขายอนุพันธ์ ผมมีข้อแนะนำเกี่ยวกับลักษณะสำคัญของการซื้อขายอนุพันธ์ที่แตกต่างจากการซื้อขายหุ้นที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุนอนุพันธ์ใน TFEX ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 อย่าง ได้แก่
1) อนุพันธ์ในตลาด TFEX จะมีการกำหนดวันหมดอายุไว้อย่างชัดเจนไม่เหมือนกับหุ้นที่ไม่มีวันหมดอายุ ทำให้อนุพันธ์ใน TFEX ไม่ใช่ตราสารที่ซื้อแล้วเก็บไว้ได้นาน
โดยนักลงทุนจะสามารถรู้เดือนและปีที่อนุพันธ์หมดอายุได้จากสัญลักษณ์ของอนุพันธ์ตัวนั้นๆ และสามารถตรวจสอบวันหมดอายุสัญญาได้จากข้อมูล “วันซื้อขายวันสุดท้าย” ในลักษณะข้อสัญญา (Contract Specification) เนื่องจากสินค้าอ้างอิงแต่ละประเภทจะมีวันอายุที่แตกต่างกัน
2) นักลงทุนที่ซื้อขายอนุพันธ์ในตลาด TFEX จะมีภาระต้องรักษาระดับเงินประกันให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด เนื่องจากกลไกการซื้อขายอนุพันธ์ไม่ต้องชำระเงินเต็มจำนวนมูลค่าของสัญญา แต่จะใช้วิธีวางเงินประกันเพียงบางส่วนเมื่อเทียบกับมูลค่าของสัญญา
ในกรณีที่นักลงทุนซื้อขายอนุพันธ์แล้วราคาไม่เป็นไปในทิศทางที่คาดไว้ และเริ่มมีผลขาดทุนถึงระดับหนึ่งซึ่งทำให้ระดับเงินประกันที่วางไว้ลดต่ำลงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ถ้านักลงทุนยังต้องการถือสถานะต่อไปนักลงทุนจะมีภาระในการนำเงินประกันมาวางเพิ่ม เพื่อให้ระดับเงินประกันเป็นไปตามเกณฑ์ หากไม่สามารถนำเงินมาวางเพิ่มได้ก็จะถูกเข้าสู่กระบวนการบังคับปิดสถานะอนุพันธ์ที่ถือครองอยู่
3) การซื้อขายอนุพันธ์จะมีอัตราเพิ่มของเงิน (Leverage) ทำให้ผลกำไรหรือผลขาดทุนจากการซื้อขายอนุพันธ์มีมากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง อันเป็นผลจากกลไกการซื้อขายอนุพันธ์ใน TFEX ที่ใช้วิธีวางเงินประกันเพียงบางส่วนเมื่อเทียบกับมูลค่าของสัญญา
ตัวอย่างเช่น ปัจจุบัน ดัชนี SET50 อยู่ที่ 1,000 จุด มีตัวคูณที่ 200 ดังนั้นมูลค่าสัญญา = 1,000*200 = 200,000 บาท
ลงทุน SET50 Index Futures 1 สัญญา ต้องวางเงินประกันขั้นต้น 12,350 บาท ถ้า SET50 Index เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 1% จาก 1,000 จุด เป็น 1,010 จุด มูลค่าสัญญาเพิ่มขึ้นจาก 200,000 เป็น 202,000 หรือเพิ่มขึ้น 2,000 บาท เปรียบเทียบกับเงินลงทุน 12,350 บาท คิดเป็น 16.19% ของเงินประกัน จึงทำให้นักลงทุนที่ซื้อขาย SET50 Index Futures จะมีอัตราเพิ่มของกำไรหรือขาดทุนที่ 16.19 เท่าเมื่อเทียบกับการลงทุนใน SET50 Index โดยตรง
สุดท้าย หากนักลงทุนท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือสนใจเข้าร่วมงานสัมมนาเกี่ยวกับสินค้าและกลยุทธ์ในการซื้อขายอนุพันธ์ใน TFEX สามารถดูรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ www.bualuang.co.th