กรุงเทพประกันภัยเชื่อราคาน้ำมันลดหนุนเบี้ยประกันภัยรถยนต์โต 14.4% กวาดเบี้ยปีนี้ 8 พันล้านบาท ล่าสุดประเดิมเจ้าแรกในไทยจ่อส่งนวัตกรรมใหม่ช่วยประเมินความเสี่ยงและคะแนนการขับขี่ หวังช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากขึ้น มั่นใจช่วยลดอัตราการสูญเสียอีก 10-15%
นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า แนวโน้มเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของบริษัทในปีนี้น่าจะเติบโตได้ประมาณ 14.4% คิดเป็นเบี้ยประกันภัยประมาณ 8 พันล้านบาท จากเดิมในปีนี้มีเบี้ยประกันภัย 7 พันล้านบาท โดยจะมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงทำให้การขนส่งด้านลอจิสติกส์ และการนำรถยนต์ออกมาใช้ของบุคคลทั่วไปเพิ่มมากขึ้น
โดยล่าสุดเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนน และเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินความเสี่ยงด้านการประกันภัยรถยนต์ บริษัทได้นำเทคโนโลยี Telematics มาใช้เพื่อศึกษาและนำข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ของลูกค้าแต่ละราย ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ “Dongle” ในตัวรถของผู้เอาประกันภัยเพื่อเก็บข้อมูลการขับขี่ต่างๆ ทั้งความเร็วที่ใช้ ระยะทาง และอัตราการเบรก ผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์ และ GPS ก่อนนำมาประมวลผลและให้คะแนนในการนำไปปรับอัตราเบี้ยประกันภัยในอนาคต
ทั้งนี้ เทคโนยีดังกล่าวน่าจะนำมาใช้ได้ในช่วงต้นเดือนเมษายน โดยเบื้องต้นบริษัทจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดแก่ลูกค้าในการติดตั้งและใช้บริการในปีแรก ซึ่งหลังจากนี้อุปกรณ์ดังกล่าวจะถือเป็นสินทรัพย์ของบริษัทหากไม่มีการต่ออายุกรมธรรม์
“เริ่มแรกเราจะนำเข้ามาประมาณหมื่นตัว ซึ่งจะมีต้นทุนประมาณตัวละ 3 พันกว่าบาท และบริษัทน่าจะเป็นเจ้าแรกในไทยที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ โดยคาดว่าจะสามารถลดอัตรา Loss ratio ได้อีกประมาณ 10-15% อย่างไรก็ตามจะติดปัญหากับรถยนต์บางยี่ห้อซึ่งหากมีการปรับแต่งแล้วมีผลต่อตัวเครื่องก็อาจกระทบการการันตี แต่เท่าที่ดูมาไม่น่าจะมีผลต่อเครื่องยนต์ เพราะในต่างประเทศมีการนำมาใช้นานแล้ว แต่ถ้ามีการพิสูจน์แล้วช่างเครื่องบอกว่ามีผลเสียต่อเครื่องยนต์จริงทางบริษัทก็พร้อมรับผิดชอบความเสียหายดังกล่าว"นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้นอกจากจะเป็นผลต่อการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้วยังมีประโยชน์ด้านอื่นด้วย เช่น การดูแลความปลอดภัยของลูกค้า เนื่องจากระบบจะสามารถแจ้งตำแหน่งและข้อมูลของลูกค้าได้ทันทีหากมีการกระแทกรุนแรง ซึ่งสัญญาณดังกล่าวจะถูกส่งกลับมาให้ทางพนักงานทราบและสามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันเวลา
นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถดูแลทรัพย์สินได้ทุกเวลา โดยระบบสามารถแจ้งเตือนผ่านข้อความบนมือถือหากมีกรณีที่รถยนต์ออกนอกพื้นที่ที่กำหนดไว้ รวมถึงด้านครอบครัวที่พ่อแม่สามารถทราบพฤติกรรมการขับขี่ของวัยรุ่น เพื่อทำการตักเตือนได้ทุกเวลา เนื่องจากระบบสามารถส่งข้อมูลผ่านมือถือได้หลายเครื่องนอกจากผู้ขับขี่เอง