คอลมันน์บัวหลวง Money Tips
โดยทีมจัดการกองทุน
บลจ.บัวหลวง
ในปีที่ผ่านมาทองคำทำให้นักลงทุนผิดหวังเพราะมีผลตอบแทนติดลบ 8% โดยไม่ได้รับผลกระทบเชิงบวกเลยแม้จะมีความขัดแย้งระหว่างประเทศ มีความกังวลว่าตลาดหุ้นแพงเกินไปแล้ว เพราะแม้แต่ในแง่ของความต้องการหันมาถือสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย (Flight to Quality) ทองคำก็ยังคงมาทีหลังพันธบัตรรัฐบาล และยามที่ตลาดหุ้นร่วงลงกว่า 2% แต่ราคาทองคำก็แทบที่จะอยู่กับที่ ในขณะที่ตลาดตราสารหนี้ยังคงปรับขึ้นได้
นอกจากนี้ การปฏิรูปของเศรษฐกิจอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศตลาดค้าปลีกทองคำที่ใหญ่ที่สุดภายใต้ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็ยังไม่สามารถทำให้ราคาทองคำกลับมาคึกคักได้เลย
มีเหตุผลหลักๆ อยู่ 3 อย่าง ที่ทำให้ราคาทองคำยังคงอ่อนแออยู่ในช่วงที่ผ่านมา
1. ราคาทองคำมักลดลงเมื่อดอลลาร์แข็งขึ้น - ดอลลาร์ได้แข็งขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายน้อยลง ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป และญี่ปุ่น
2. ราคาทองคำถูกกดดันโดยการลดลงของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ - การเติบโตของเศรษฐกิจโลกต่ำกว่าคาดทั้งในประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนา
3. มีนักลงทุนน้อยคนที่อยากจะช้อนซื้อ ไม่ว่าจะซื้อโดยตรงหรือผ่านกองทุน
ปัจจัยเหล่านี้จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ตราบใดที่เหตุการณ์ความไม่สงบในยูเครนหรือตะวันออกกลางไม่ได้แย่ลงไปกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะต้องไม่ลืมว่าทองคำนั้นมีจุดยืนของมัน และการกระจายการลงทุนที่ดีควรจะมีการลงทุนในทองคำระหว่าง 3-8% ของสินทรัพย์ทั้งหมดด้วย
ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนักลงทุนในวันนี้คือการปรับลงของราคาสินทรัพย์ที่ถูกธนาคารกลางต่างๆ หนุนราคาเอาไว้ โดยเฉพาะหุ้นและตราสารหนี้ ความเสี่ยงนี้จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นหากเศรษฐกิจโลกหดตัวพร้อมๆ กับความตึงเครียดระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น
ดังนั้น แม้ว่าในตอนนี้ทองคำจะไม่เป็นที่น่าสนใจนัก แต่นักลงทุนผู้บ้าบิ่นเท่านั้นถึงจะยอมตัดทองคำออกจากพอร์ตการลงทุนท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยสภาพคล่องเช่นทุกวันนี้