บลจ.กสิกรไทยชี้ยังมีปัจจัยบวกหนุนหุ้นไทยเติบโต 1-2 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะผลประกอบการ บจ.ในปีหน้าที่คาดว่าจะโตประมาณ 11% ล่าสุดขนกองทุน K Lifestyle Fund ร่วมงาน Money Expo Bangkok 2014 ชวนนักลงทุนออมยาวกระจายการลงทุน
นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า บรรยากาศการลงทุนในขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ด้านตัวเลขการส่งออกยังคงฟื้นตัวได้ช้า ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ลงมาอยู่ที่ 1.8% หรือในกรอบระหว่าง 1.3-2.4% จากที่ประมาณไว้ก่อนหน้าที่ 3% เนื่องจากคาดว่าการลงทุนและการบริโภคจะยังไม่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอย่างโดดเด่นในปีนี้
ทั้งนี้ การพึ่งพาการส่งออกซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อาจไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ด้านสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนในระยะสั้น โดยมีปัจจัยทางการเมืองเป็นตัวแปรสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยในปีหน้าจะเติบโตได้ประมาณ 11% (Bloomberg 21 เมษายน 2557) รวมถึงอานิสงส์ที่จะได้รับจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ในปี 2559 ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยได้ในระยะยาว
นายพงศ์พิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า บริษัทได้ร่วมออกบูทส่งเสริมการขายร่วมกับเครือธนาคารกสิกรไทย ในงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 14 (Money Expo Bangkok 2014) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8-11 พฤษภาคม 2557 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี โดยบริษัทยังได้ส่งผลิตภัณฑ์กองทุนเข้าร่วมในโครงการสานฝันเริ่มด้วยพันบาท ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยบริษัทได้จัดส่งกองทุน K Lifestyle เข้าร่วมในโครงการดังกล่าว พร้อมจัดโปรโมชันส่งเสริมวินัยการออมและการลงทุน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป
สำหรับกองทุนเปิดเค ไลฟ์สไตล์ (K Lifestyle Fund) เหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการวางแผนทางการเงินเพื่อเป้าหมายในวัยเกษียณอายุ โดยเป็นกองทุนผสมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ด้วยการบริหารพอร์ตการลงทุนและกระจายความเสี่ยงให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้ลงทุนในทุกช่วงวัย ประกอบด้วย กองทุน K-2500 ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นไม่เกิน 20% ที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เกิดก่อน พ.ศ. 2500 และสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ระดับปานกลางถึงค่อนข้างต่ำเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพอร์ตการลงทุน
ด้านกองทุน K-2510 จะเน้นลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30% ที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2501-2510 โดยอยู่ในวัยที่ฐานะการเงินและการงานมั่นคง พร้อมรับความเสี่ยงได้ปานกลาง ส่วนผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน สามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-2520 ซึ่งจะเน้นลงทุนในหุ้นไม่เกิน 45% ที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2511-2520
นอกจากนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูงเพื่อโอกาสไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-2530 ที่มีสัดส่วนลงทุนในหุ้นไม่เกิน 55% ที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ และเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2521-2530 ดังนั้น ในสภาวะที่ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนเช่นนี้ กองทุน K Lifestyle จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งช่วยลดความผันผวนจากการลงทุนในกองทุนหุ้นเพียงอย่างเดียวได้ดี และยังเพิ่มโอกาสให้ผู้ลงทุนได้กระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภทอย่างสม่ำเสมอด้วย