บลจ.กสิกรไทยเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ ชูผลตอบแทนสูงลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เป็นทางเลือกลงทุนความเสี่ยงต่ำ
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทยได้มีการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยล่าสุดที่ได้เสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ไทย 3 ปี เอ (KTF3YA) ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 3 ปี โดยกองทุนดังกล่าวสามารถปิดการเสนอขายหน่วยลงทุนภายใน 2 วันแรกก่อนกำหนดระยะเวลาที่ได้เสนอขายตั้งแต่วันที่ 18-24 กุมภาพันธ์ 2557 เนื่องจากมีผู้ลงทุนจองซื้อเข้ามาเกินจำนวน ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท บลจ.กสิกรไทยจึงเตรียมเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องอีก ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอดับบลิว (KFF6MAW) อายุโครงการ 6 เดือน ประมาณการอัตราผลตอบแทน 3.00% ต่อปี โดยจะเสนอขายระหว่างวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2557
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน KFF6MAW จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดี เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำในภาวะปัจจุบัน โดยกองทุนดังกล่าวมีขนาดโครงการ 10,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China และมีการลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินในต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้ Bank of East Asia Ltd. ตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่ค้ำประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล และยังลงทุนเพิ่มใน Commercial paper ที่ค้ำประกันโดย Sberbank, ประเทศรัสเซีย เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติม ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
“สำหรับการออกกองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย เรายังคงเสนอขายกองทุนในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งยังได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงมีเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนกลุ่มนี้โดยตลอด ในแง่ตราสารที่ลงทุน เราให้ความสำคัญต่อการคัดตราสารหนี้ใหม่ๆ ที่ผู้ออกตราสารมีความน่าเชื่อถือสูง และมีความสามารถในการชำระหนี้ โดยกระจายการลงทุนไปในหลายภูมิภาคและหลากหลายสกุลเงินเพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น และยังคงใช้นโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนเพื่อช่วยปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน ซึ่งผู้ลงทุนสามารถคลายความกังวลในความเสี่ยงด้านนี้ไปได้ นอกจากนี้ กองทุนตราสารหนี้ในกลุ่มดังกล่าวยังมีความน่าสนใจตรงที่ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต้องเสียภาษี จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ลงทุนที่อาจรับความเสี่ยงได้ไม่มากนักแต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจกว่าการฝากเงินในช่วงที่ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มปรับสู่ขาลง” นายนาวินกล่าวในที่สุด