xs
xsm
sm
md
lg

สถานะใหม่ “พม่า” The choice is yours

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มีโอกาสได้ไปเยือน “กรุงย่างกุ้ง” สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า) เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี และได้พบกับการเปลี่ยนแปลงที่เรียกได้ว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องของผู้คน อาคารบ้านเรือน และการสัญจรบนท้องถนน

นอกจากสภาพการเปลี่ยนแปลงที่พบเห็นได้เบื้องต้นแล้วผมยังได้มีโอกาสรับฟังบรรยายจากท่านทูตพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้งถึงแนวโน้มและโอกาสการลงทุนในประเทศพม่าเอาไว้อย่างน่าสนใจ และได้อรรถรส (ไม่เบื่อหรือหลับไปก่อน)

พม่าเสน่ห์เลือกได้

ท่านทูตพิษณุเล่าให้ฟังด้วยท่าทีสบายๆ และเป็นกันเองว่า หลังจากที่ตนเองเข้ามารับตำแหน่งได้ประมาณ 1 ปีกว่าๆ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นจากที่เคยเห็นเพียงแผ่นป้ายโฆษณาร้านเครื่องประดับเพชรพลอยราคาแพงตามท้องถนน ซึ่งมีเพียงกลุ่มคนบางกลุ่มในประเทศเท่านั้นที่สมารถจับต้องและหาซื้อได้ แต่ตอนนี้กลับเห็นโฆษณาสินค้าทั่วไปและสินค้าสุขภาพมากขึ้น เท่ากับเป็นการบ่งบอกถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจและรายได้เป็นอย่างดี

“การเปลี่ยนแปลงของพม่ารวดเร็วมาก ถ้าดูจากการจัดกีฬาซีเกมส์ในช่วงผ่านมาถือว่าเขาสอบผ่าน 100% และบทบาทต่อจากนี้ก็คือการเป็นประธานอาเซียน ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้มาเลเซียในปีที่จะมีการเปิดเสรีอาเซียนต่อไป ซึ่งเวทีของพม่าต่อจากนี้จะมีความสำคัญและแสดงให้เห็นว่าพม่าจะไม่เป็นประเทศที่ถูกเลือกอีกต่อไป แต่จะถือเป็นผู้เลือกตามความต้องการของตนมากกว่า”

ส่วนปัจจัยที่ทำให้พม่ามีเสน่ห์และถูกจับจ้องจากนานาชาตินั้น ท่านทูตพิษณุ เล่าว่า พม่ามีศักยภาพและความน่าสนใจในหลายด้าน ประกอบด้วย 1. ความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งพลังงานและก๊าซธรรมชาติ 2. อัตราค่าแรงที่อยู่ในระดับต่ำ (ปัจจุบันมีการปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 120-150 บาท/วัน) 3. แหล่งท่องเที่ยวที่กำลังรอการพัฒนาอย่างเป็นระบบ 4. การเกษตรที่ยังรอการลงทุนเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ยังไม่ปรากฏในพม่า และสุดท้าย 5. โครงการเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะมีการเชื่อมโยงภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน

ปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการจับตามองและหาโอกาสเข้าลงทุนในพม่าจากนานาชาติ ทำให้พม่ามีทางเลือกมากขึ้นจากเดิม

แนะไทยปรับทัศนคติ-กลยุทธ์

ท่านทูตเล่าต่ออีกว่า ปัจจุบันการลงทุนในประเทศพม่ายังมีกฎหมาย และข้อบังคับที่ต้องศึกษารายละเอียดอยู่ แต่จากสถานะที่เปลี่ยนไปเป็นผู้เลือกของพม่าทำให้นักลงทุนไทยเองมีความจำเป็นต้องปรับทัศคติและกลยุทธ์ในการลงทุนใหม่หมด

ปัจจุบันมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยกับพม่าอยู่ในลำดับ 2 ต่อจากจีน ซึ่งในปี2012 จีนมีมูลค่าการค้ากับพม่าเพิ่มขึ้นถึง 200% ส่วนคู่แข่งที่น่าจับตามองอีก 2 ประเทศได้แก่ ญี่ปุ่น กับเกาหลี ที่กลับเข้ามาลงทุนในประเทศพม่ามากขึ้น

“พม่าเป็นประเทศที่เข้ายาก แต่เข้าแล้วจะอยู่ได้ต่างจากลาวและเวียดนามที่จะอยู่ยากกว่า ซึ่งไทยจะต้องเจอกับการแข่งขันที่มากขึ้น และผู้ประกอบการจะต้องปรับมุมมองต่อพม่าใหม่หมด โดยอย่าคิดว่าจะใช้วิธีการแบบเดิมแล้วจะได้ผล นอกจากนี้ การลงทุนในพม่าจะต้องมองภาพรวมทั้งประเทศ เพราะโครงการต่างๆ ในพม่าจะมีการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นอย่างจีน และอินเดีย แต่ไทยกลับให้ความสนใจแต่โครงการทวายเท่านั้น ทำให้โอกาสต่างๆ ดูจะแคบลงไป”
    
แนวโน้มการเมือง-สังคมพม่า

ท่านทูตพิษณุแจกแจงเพิ่มเติมถึงภาพรวมการเมือง สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของพม่าว่า การเมืองภายในของพม่าช่วงที่ผ่านมาถูกจับตามองเป็นอย่างมาก แต่ความพยายามของรัฐบาลพม่าชุดปัจจุบันส่งผลให้เกิดความปรองดองมากขึ้นกับพรรคร่วมรัฐบาลของนางอองซาน ซูจี และชนกลุ่มน้อย ซึ่งมีทีท่าว่าความสัมพันธ์จะพัฒนาไปในทางที่ดีเช่นกัน

“ความพยายามของพม่าในการเปิดประเทศมีสูงมาก และถ้าดูความสัมพันธ์ของฝ่ายค้านกับรัฐบาลจะพบว่าประธานธิบดี เต็งเส่ง ออกไปไหนก็จะไม่พูดในแง่ไม่ดี นางอองซานเองก็เหมือนกันไม่มีการวิจารณ์รัฐบาล แต่ทั้งสองดูเหมือนจะทำงานร่วมกัน และพยายามผลักดันให้พม่าถูกยอมรับจากนานาชาติมากขึ้น”

ส่วนสังคมพม่าในปัจจุบันพบว่ามีการปรับตัวจากเดิม และสามารถรับรู้โลกภายนอกได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก หรือว่าทวิตเตอร์ โดยหากสังเกตจากราคาของซิมโทรศัพท์มือถือเดิมที่เคยมีราคาประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตอนนี้ปรับลดลงมาเหลือแค่ 50 บาทต่อซิมแล้ว ทำให้เชื่อว่าประชากรพม่าจะเข้าถึงข้อมูลจากภายนอกได้มากขึ้น

ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของพม่า พบว่าทุกประเทศให้ความสนใจพม่ามากขึ้น และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หลังจากที่แสดงความพยามให้เห็นจากการพัฒนาการเมือง การพัฒนาเศรษฐกิจ และการบริหารที่เน้นถึงความโปร่งใสมากขึ้น

ทั้งหมดเป็นข้อมูลบรรยายสรุปที่น่าสนใจจากมุมมองของทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย โดยเชื่อว่าการลงทุนในประเทศพม่านับเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนไทย ซึ่งนอกจากการเมือง เศรษฐกิจ สังคม แล้ว นักลงทุนไทยควรศึกษาข้อบังคับ และกฎหมายให้ดีก่อนเข้าไปลงทุน และควรปรับมุมมองและวิธีที่ใช้ใหม่ เพราะพม่าไม่ใช่ผู้ถูกเลือกอีกต่อไป

ทั้งนี้ ท่านทูตได้ฝากเตือนนักลงทุนไทยที่กำลังมองหาโอกาสในประเทศพม่าเอาไว้ด้วยว่า “อย่า...ช้า” เดี๋ยวจะตกขบวนไม่รู้ด้วย
    
สุดท้ายต้องขอขอบคุณการตอนรับของสถานทูตไทย ณ กุ้งย่างกุ้ง และท่านทูตพิษณุ สุวรรณะชฎ เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากการต้อนรับที่อบอุ่นแล้ว ยังบอกเล่าถึงข้อมูลดีๆ เอามาฝากผู้อ่านอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น