บลจ.ธนชาตเปิดขาย 2 กองทุนบอนด์ TMonthlyIncome3 และ Fixed Income 6M49 ขณะที่กรุงศรีเปิดขายกองบอนด์ KFFIF1Y12 อายุประมาณ 1 ปี ผลตอบแทน 3.25%
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนภายในประเทศยังคงต้องจับตาสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองยังคงยืดเยื้อ รวมถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 60 วันของรัฐบาลอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุน
นอกจากนี้แล้ว ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับความผันผวนจากปัญหาดังกล่าวด้วย อีกทั้งเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2557 ที่ผ่านมาได้มีการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) จากมติ 4 ต่อ 3 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ซึ่งถ้าสถานการณ์ทางการเมืองยังคงไม่คลี่คลาย คาดว่าในการประชุม กนง.รอบหน้าอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยงลงมาที่ 0.25%
บลจ.ธนชาตจึงขอนำเสนอกองทุนเปิด “ธนชาต Monthly Income Fund 3” (TMonthlyIncome3) เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุนช่วงภาวะเศรษฐกิจผันผวน โดยกองทุนมีเป้าหมายเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อที่เน้นลงทุนในกองทุนตราสารหนี้อายุ 3 ปี ลงทุนขั้นต่ำ 50,000 บาท เริ่มขายครั้งแรก (ครั้งเดียว) ประมาณวันที่ 28 มกราคม-4 กุมภาพันธ์ 2557 โดยกองทุนจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติปีละไม่เกิน 12 ครั้ง ซึ่งจะทำการขายคืนทุกวันที่ 25 ของทุกเดือน ซึ่งกองทุนดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการขออนุมัติจากทาง ก.ล.ต. กองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนหรือภาครัฐ หรือหุ้นกู้สกุลเงินตราต่างประเทศที่เสนอขายในประเทศไทย หรือเงินฝาก โดยสามารถลงทุนได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่กองทุนลงทุนในต่างประเทศ กองทุนจะจัดให้มีการป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยน หรืออัตราดอกเบี้ยเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ต่างประเทศที่กองทุนได้เข้าไปลงทุน ซึ่งกองทุนเปิดธนชาต Monthly Income Fund 3 มีเป้าหมายเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ และเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง รวมถึงนักลงทุนที่ต้องการพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้
ขณะเดียวกันยังเปิดขาย กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 6M49 (TFI6M49) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในเงินฝากของ Bank of China / China Construction Bank (China) ประมาณ 22% ลงทุนในเงินฝากของ PT Bank CIMB Niaka Tbk (Indonesia) / PT Bank International Indonesia Tbk ประมาณ 22% ลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย AKBank T.A.S. / Turkiye Garanti Bankasi ประมาณ 20% ลงทุนในหุ้นกู้ระยะสั้นของ บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส / บจ.ลีสซิ่ง ไอซีบีซี (ไทย) ประมาณ 18% และลงทุนในตั๋วแลกเงิน ที่ออกโดย บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง / หุ้นกู้ระยะสั้นของ บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง ประมาณ 18% อายุประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.2640% ต่อปี โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.1640% ต่อปี กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ต่างประเทศที่กองทุนลงทุน โดยกองทุนจะเสนอขายครั้งเดียววันนี้ถึง 29 มกราคม 2557
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ1Y12 (KFFIF1Y12) อายุประมาณ 1 ปี มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน, สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 24% เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ ECP รับประกันโดยธนาคาร Gazprombank (รัสเซีย) สัดส่วนการลงทุน 24% ตราสารหนี้ ECP รับประกันโดยธนาคาร Sberbank of Russia (รัสเซีย) สัดส่วนการลงทุน 8% และตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China Asia Ltd. (สาธารณรัฐประชาชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 24% โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.25% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป”
“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ1Y12(KFFIF1Y12) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี” นายฉัตรพีกล่าว