บลจ.ไทยพาณิชย์แนะผู้ถือหน่วย TRUEGIF ไม่หวั่นไหวราคาตลาด เหตุไม่กระทบผลตอบแทนจริง เผยเคยถกตลาดหลักทรัพย์เรื่องช่วงราคากองอสังหฯ ให้ขยับน้อยกว่าหุ้นทั่วไป เหตุนักลงทุนส่วนใหญ่หวังอัตราผลตอบแทนเป็นหลัก แนะราคาต่ำไอพีโอโอกาสลงทุน อัตราผลตอบแทนดีขึ้น มั่นใจในอนาคตหาลูกค้าใหม่ใช้บริการเพิ่มขึ้นได้ หลังคุยดีแทคได้ผลดี
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท (TRUEGIF ) ราคาเข้าซื้อขายต่ำกว่าราคาไอพีโอส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลกระทบจากภาวะตลาดด้วยเช่นกันจากปัจจัยการเมือง แต่ในแง่ของผู้ถือหน่วยเองไม่มีเหตุผลที่ต้องขายเพราะอัตราผลตอบแทน 8.8% บนราคาไอพีโอ 10 บาทอยู่แล้ว เมื่อราคาปรับตัวลงนักลงทุนอาจจะหวั่นไหวว่าอัตราผลตอบแทนลดลง เพราะช่องราคาขยับช่องละ 0.10 บาท ลงมาช่องละ 1% ถ้าลงมา 10 ช่วงราคาก็ 10% แล้ว แต่ความจริงอัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยได้รับไม่ได้ลดลงตามราคาตลาดที่ปรับตัวลงแต่ประการใด จึงไม่ต้องกังวล
“นักลงทุนกลุ่มที่ลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานและกองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นกลุ่มที่ต้องการอัตราผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว จึงไม่อยากให้ไปดูเรื่องการเคลื่อนไหวของราคามากนัก เรื่องนี้เคยคุยกับทางตลาดหลักทรัพย์เช่นกันว่าช่วงราคาของกองทุนประเภทนี้ควรจะมีช่วงการเคลื่อนไหวที่แคบกว่าเพื่อไม่ให้นักลงทุนกังวลกับการเคลื่อนไหวของราคาจนเกินไป”
นางโชติกา ยังกล่าวอีกว่า กองทุน TRUEGIF สำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อหน่วยเพิ่มเพราะตอนจองได้ไม่ได้ตามที่ต้องการก็เป็นจังหวะในการลงทุนที่ดี เพราะเข้าซื้อตอนนี้ที่ราคาต่ำกว่าไอพีโอก็จะได้อัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น หรือนักลงทุนใหม่ที่สนใจเข้าไปลงทุนในราคาที่ต่ำกว่าไอพีโอก็เช่นกัน ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกของนักลงทุนในหุ้นที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยและให้อัตราผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในรูปของเงินปันผล ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงมาก็ตาม
“กองทุน TRUEGIF ได้ไปพูดคุยกับทางดีแทคเพื่อให้เข้ามาเช่าใช้เสาสัญญาณด้วยเช่นกัน และในอนาคตเชื่อว่าจะมีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาเพิ่มเติมแน่นอน ทั้งผู้ทำธุรกิจเดิมและผู้ที่จะเข้ามาใหม่ ในส่วนของ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่นเองก็จะมีฐานะการเงินขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในฐานะที่กลุ่มทรูเป็นผู้เช่าหลักในปัจจุบัน ย่อมจะส่งผลบวกต่อกองทุนด้วยเช่นกัน”
นางโชติกา กล่าวเสริมว่า กองทุนโครงสร้างพื้นฐานและกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าน่าจะได้รับความสนใจมากขึ้น ในช่วงภาวะดอกเบี้ยต่ำเช่นปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนของกองทุนเหล่านี้เฉลี่ยประมาณ 7-8% และกองในตลาดบางกองราคาปรับลงมาจนผลตอบแทนประมาณ 10% ก็มี ในปีหน้าบริษัทคาดว่าจะปิดส่วนต่างที่ห่างกับ บลจ.อันดับหนึ่งในปัจจุบันได้หมดภายในเดือน ก.พ. 57 และจบสิ้นปี 56 นี้สินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารรวม (AUM) น่าจะปิดเกินระดับ 800,000 ล้านบาทได้ แน่นอน