บลจ.กสิกรไทยฉลุย! ได้ใบอนุญาตทรัสตีเจ้าแรกจาก ก.ล.ต. จ่อประเดิมรับเป็นทรัสตีกองอิมแพ็คฯ ระดมทุน 2 หมื่นล้านก่อน คาดไตรมาสแรกปีหน้าทยอยเสนอหน่วยทรัสต์ให้แก่นักลงทุนเพิ่ม หลังได้ความชัดเจนเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม ขณะเดียวกันย้ำเดินหน้าให้ความรู้นักลงทุนเพิ่มเหตุกอง REIT ยังใหม่สำหรับเมืองไทย
นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บลจ.กสิกรไทยมีความพร้อมในการรับหน้าที่เป็นทรัสตีของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust - REIT) อย่างเต็มตัว โดยเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจเป็นทรัสตี (Trustee) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อย ถือเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตนี้
สำหรับโครงการที่จะเกิดขึ้นภายหลังบริษัทได้รับจัดตั้งเป็นทรัสตีเรียบร้อยแล้ว บริษัทมีโครงการจะรับเป็นทรัสตีของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็คโกรท มูลค่าโครงการประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นกอง REIT กองแรกของประเทศไทย โดยมีบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ (ในเครือบางกอกแลนด์) เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ และมีธนาคารกสิกรไทยและบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์
นอกจากนี้ยังรับเป็นทรัสตีของกอง REIT อื่นอีก ซึ่งจะทยอยออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์ให้แก่นักลงทุนที่สนใจได้ราวๆ ไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 หลังจากได้รับข้อสรุปเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จากทางกรมสรรพากรเป็นที่แน่นอนแล้ว ซึ่งปัจจุบันยังติดปัญหาในทางเทคนิคเกี่ยวกับฐานะนิติบุคคลของกองทรัสต์ จนทำให้การยื่นเสนอขายหน่วยทรัสต์เกิดความล่าช้าออกไปตามที่เป็นข่าว
นายจงรักกล่าวอีกว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ถือเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ของไทย ซึ่งนำมาใช้แทนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เดิม (กอง 1) ที่สิทธิในการระดมทุนจะหมดลงภายในสิ้นปีนี้ โดยรูปแบบการลงทุนของกอง REIT มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นสากลมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่านอกจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์แล้ว บริษัทจำเป็นจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกอง REIT ซึ่งมีความใหม่และมีข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เดิม เช่น ความยืดหยุ่นในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้หลากหลายประเภทมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังสามารถนำเงินของกองทุนบางส่วนไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่แล้วเสร็จได้ ส่วนในด้านการกู้ยืมเงิน กอง REIT สามารถกู้ยืมเงินได้สูงถึง 65% ของทรัพย์สินรวม (ในกรณีที่กองทรัสต์ได้รับความน่าเชื่อถือสูงกว่าระดับ Investment Grade) ซึ่งสูงกว่ากองอสังหาริมทรัพย์เดิมที่ให้กู้เพียง 10% ทำให้สามารถซื้อสินทรัพย์เพื่อขยายกองให้ใหญ่ขึ้นได้เอง นอกเหนือจากวิธีเพิ่มทุนแบบปกติ
