นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิปแนะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ลุยกองทุน FIF ทั้งสหรัฐฯ และยุโรป พร้อมมองปัญหาการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯ เป็นปัจจัยลบระยะสั้น คาดจะเจรจากันได้ในที่สุด
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาการเจรจางบประมาณและการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ รวมถึงแก้ปัญหาการปิดตัว (shutdown) ของหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ นั้นเรามองว่าเป็นปัจจัยที่กระทบสหรัฐฯ และทั่วโลกในช่วงเวลาหนึ่ง และจะสามารถเจรจากันได้ในนาทีสุดท้าย
ทั้งนี้ เรามองว่าเศรษฐกิจพื้นฐานของสหรัฐฯ นั้นยังแข็งแกร่ง ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจก็ยังดีอยู่ ซึ่งในช่วงเวลานี้ก็เหมาะที่จะกระจายการลงทุนเข้าไปลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้
ทางด้านการลงทุนในญี่ปุ่นนั้นก็ถือว่าเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่จะเข้าไปลงทุนเนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นและตลาดหุ้นก็ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งนักลงทุนในญี่ปุ่นเองก็มองว่าเป็นโอกาสที่ดี แต่ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติรวมถึงไทยนั้นอาจจะต้องระมัดระวังในเรื่องของค่าเงิน เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนในระยะนี้ถือว่ามีความผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งหากจะเข้าไปลงทุนอาจจะต้องเข้าใจความเสี่ยงในด้านนี้ด้วย ส่วนการฟื้นตัวของยุโรป เรามองว่าการฟื้นตัวนั้นจะทยอยปรับตัวดีขึ้น โดยการฟื้นตัวของยุโรปนั้นจะคล้ายกับสหรัฐฯ ที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว
นายสานุพงศ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของหุ้นไทยนั้นยังต้องเผชิญกับความผันผวนต่อจากปัจจัยภายนอกและความไม่แน่ใจในส่วนของเพดานหนี้สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนลดความเสี่ยงด้วยการทยอยขายทำกำไรออกไป ซึ่งหากปัญหาดังกล่าวคลี่คลายได้เชื่อว่าแรงซื้อน่าจะกลับเข้ามา ส่วนกองทุนรวม LTF-RMF ที่เราแนะนำได้แก่ KF-LTFDIV และ ABSC-RMF สำหรับกองทุนหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ Asset Plus S&P 500 SCB S&P 500 Krungsri Europe Equity Fund และ K-EUROPE ส่วนระยะยาวเหมาะกับการสะสมกองทุนจีน คือ Aberdeen China Gateway Fund