“สาระ ล่ำซำ” คาดคนไทยชะลอใช้จ่ายไม่กระทบธุรกิจประกัน มั่นใจทั้งปียังโต 17.3% พร้อมโชว์บริการใหม่เมืองไทยประกันชีวิต “สะดวกรับ” เพิ่มทางเลือกลูกค้ารับสินไหมผ่านเซเว่นฯ 7,000 สาขาทั่วประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ระบุตลาดประกันชีวิตไทยยังเติบโตดี ประกันชีวิตผู้สูงอายุแข่งดุ หลังผู้สูงอายุไทยเพิ่มมากขึ้น
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตในช่วงที่เหลือของปีนี้คงจะไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอการใช้จ่ายของคนไทยมากนัก และเชื่อว่าการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 17.3% เนื่องจากในไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นช่วงที่มีการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตสูงสุด และในช่วงที่ผ่านมา 7 เดือนธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยรับรวมเติบโตเพิ่มขึ้นแล้วถึง 18% ส่วนบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามีเบี้ยรับรวมเติบโตได้ถึง 26%
“ประกันชีวิตเป็นเรื่องของความคุ้มครอง และคนไทยก็เริ่มเข้าใจแล้วว่ามีความสำคัญ และอย่างที่ทราบว่าช่วงสิ้นปีมักจะมีเบี้ยประกันเข้ามามากหน่อย ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากแรงหนุนของการหักลดหย่อนภาษี ความเข้าใจของคนไทย และน่าจะทำให้ธุรกิจประกันชีวิตสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”
ส่วนสินค้าที่คาดว่าจะมีการแข่งขันกันมากขึ้นในอนาคต คาดว่าจะเป็นตลาดของผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบันคนไทยที่อายุเกิน 63% มีมากกว่า 10% ของประชากร แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และจะส่งผลให้การประกันชีวิตมีความสำคัญมากขึ้น เหมือนกับประเทศญี่ปุ่นที่มีคนสูงอายุถึง 25% ของประชากร ส่งผลให้สินค้าประเภทนี้จึงมีความสำคัญและมีการแข่งขันกันสูงมากนั่นเอง
นายสาระ กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องของผลิตภัณฑ์แล้ว การให้บริการที่ดีแก่ลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอีกประการของบริษัท ซึ่งล่าสุดเพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าของบริษัทในการรับสินไหมทดแทน บริษัทได้ทำความร่วมมือกับ บริษัทเคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ในการพัฒนาระบบรับเงินตามจุดให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสภายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 7 พันสาขาทั่วประเทศ
ทั้งนี้ การให้บริการดังกล่าวน่าจะเป็นทางเลือกและสามารถอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าของบริษัทได้อีกทางหนึ่งในกรณีที่ลูกค้าไม่มีบัญชีธนาคาร และไม่สะดวกในการรับเช็คจากทางบริษัทตามรูปแบบเดิมที่ให้บริการ
“ถือเป็นทางเลือกให้ลูกค้าอีกทางหนึ่ง แต่สินไหมต่อรายจะต้องไม่เกิน 10,000 บาทถึงจะสามารถขอรับสินไหมผ่านช่องทางนี้ได้ แต่ถ้าเกินก็ต้องกลับไปใช้ช่องทางเดิม ซึ่งเชื่อว่าช่องทางนี้จะเพิ่มความสะดวกได้มากขึ้น โดยลูกค้าไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ในการรับสินไหมจากเคาน์เตอร์เซอร์วิส และเชื่อว่าจะเหมาะสมกับลูกค้าในยุคปัจจุบันที่มีรูปแบบชีวิตที่รวดเร็วและสะดวกสบาย”
ตั้งเป้าเพิ่มบิลธุรกิจประกัน
ด้านนายวีรเดช อัครผลพานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เคาน์เตอร์เซอร์วิส กล่าวว่า ความร่วมมือกับบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมที่เปิดให้ลูกค้ารับค่าสินไหมผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสกว่า 7,300 สาขาทั่วประเทศ และในปี 2557 บริษัทก็มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มเป็น 10,000 สาขา และเพิ่มเป็น 13,000 สาขาในปี 2558
อย่างไรก็ตาม นอกจากการให้บริการด้านสินไหมแล้ว เคาน์เตอร์เซอร์วิสยังมีความพร้อมในการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบไมโครอินชัวรันซ์ ซึ่งเบื้องต้นได้ทำความร่วมมือในการขายกรมธรรม์ในลักษณะนี้ไปแล้วจากการร่วมมือกับบริษัทประกันอื่นๆ โดยในด้านการให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสยังพร้อมที่จะขยายความร่วมมือกับบริษัทประกันชีวิตอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
“เรามีความพร้อมเต็มที่ และสิ้นปีนี้น่าจะมีบริษัทประกันชีวิตเข้ามาร่วมมือกับเราอีกราย โดยปัจจุบันธุรกรรมการเงินที่ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสจะมีอยู่ประมาณ 10 ล้านบิลต่อเดือน และเราตั้งเป้าว่าจะเพิ่มธุรกรรมของธุรกิจประกันให้มากขึ้นเป็น 20%ของบิลที่เกิดขึ้นในปัจจุบันภายใน 3 ปี”
