บลจ.กสิกรไทยประเมินภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังร้อนแรง รัฐบาลชุดใหม่สนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมจับจังหวะส่งกองทุน “เค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 2 (KCET2) ตั้งเป้าโอกาสรับผลตอบแทน 8% ภายใน 1 ปี เสนอขายครั้งเดียว 19-24 กันยายน นี้
นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนมีทิศทางในการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย International Monetary Fund (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะสามารถขยายตัวได้ถึงระดับ 7.80% ในปีนี้ (IMF: กรกฎาคม 2556) ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ โดยตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของทางการที่ตั้งเป้าไว้ที่ 7.50% โดย บลจ.กสิกรไทย เชื่อว่า การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจีนภายใต้การนำของรัฐบาลจีนชุดใหม่ที่เน้นการเติบโตจากการบริโภคในประเทศ มากกว่าการพึ่งพาการเติบโตจากเศรษฐกิจนอกประเทศผนวกกับนโยบายของรัฐบาลจีน ที่จะขยายโควตาให้นักลงทุนต่างชาติ (QFII) สามารถเข้าลงทุนในตลาดหุ้นในประเทศ (A-Share) เพิ่มขึ้น ปัจจัยเหล่านี้น่าจะเป็นตัวช่วยสนับสนุนในเรื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน และพร้อมผลักดันให้เม็ดเงินต่างชาติสามารถไหลเข้ามายังตลาดหุ้นจีนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นจีนในระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้ในช่วงที่เศรษฐกิจจีนเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นบริษัทได้ส่งกองทุนเปิดเค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1 (KCET1) เสนอขายไปเมื่อวันที่ 3-5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่ง บลจ.กสิกรไทย ได้บริหารกองทุนจนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 8% ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน
บลจ. กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อภาพรวมของเศรษฐกิจจีน จึงกำหนดส่งกองทุนเค ไชน่าอิควิตี้ ทริกเกอร์ 2 (KCET2) เสนอขายต่อเนื่อง ในวันที่ 19-24 กันยายน 2556 โดยจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ คือ กองทุน iShares FTSE A50 China Index ETF ซึ่งมีนโยบายลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนตามหุ้นในกลุ่ม A Shares ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง จากปัจจัยบวก อาทิเช่น ระดับราคา P/E ที่ค่อนข้างต่ำเทียบกับอดีต และเม็ดเงินมหาศาลที่จะเข้ามาในตลาดหุ้นหลังเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน
โดยกองทุนดังกล่าวตั้งเป้าหมายที่จะให้ผู้ลงทุนได้โอกาสรับผลตอบแทนที่ 8% ในปีแรก (รอบ 12 เดือน) โดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ และเลิกกองทุนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.90 บาทในวันทำการใดวันทำการหนึ่ง แต่ถ้าหากภายในปีแรกมูลค่าหน่วยลงทุนไม่สามารถปรับขึ้นไปที่ระดับดังกล่าวได้ ในปีถัดไปนักลงทุนสามารถขายหน่วยลงทุนออกมาได้โดยจะได้รับผลตอบแทนเท่ากับมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ขายคืน
ทั้งนี้ กองทุนจะตั้งเป้าโอกาสรับผลตอบแทนใหม่ที่ 5% และจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและเลิกกองทุนหากหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.55 บาท อย่างไรก็ตาม หากกองทุนครบอายุ 1 ปี 6 เดือน และยังไม่ได้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติตามเป้าหมายข้างต้น บลจ.กสิกรไทย จะเลิกกองทุนและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเท่ากับมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันสิ้นอายุกองทุน