บลจ.มองกองทุนวายุภักษ์น่าจะไปต่อหากกองเดิมครบกำหนด คาดไม่น่าจะยกเลิกเหตุคลังต้องหาเงินคืนผู้ถือหน่วยจำนวนมาก แถมยิลด์ดีนักลงทุนใหม่พร้อมลงทุนต่อ ระบุเงื่อนไขผลตอบแทนและการการันตีผลตอบแทนเป็นจุดเด่นสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่กองทุนรวมกองวายุภักษ์ หนึ่ง จะครบกำหนดในเดือนธันวาคมนี้ และทางกระทรวงการคลังได้มีการประชุมหารือเรื่องกองทุนวายุภักษ์ 1 เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าได้มีแนวทาง 3 แนวทางในการแปรสภาพกองทุนวายุภักดิ์ หนึ่ง คือ 1. ตั้งกองทุนวายุภักษ์กองใหม่ โดยกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ และมีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกองทุนประกันสังคมเข้าถือร่วม 2. ตั้งกองทุนใหม่โดยกระทรวงการคลังถือ 70% ที่เหลืออีก 30% ให้ประชาชนทั่วไปถือ และ 3. คือปิดกองทุนวายุภักษ์ไปเลยไม่ต้องมีต่อไป
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้สูงที่กระทรวงการคลังจะตั้งกองทุนวายุภักษ์ขึ้นมาทดแทนและโอนมาที่กองทุนใหม่ แต่หากเลือกที่จะหยุดไปเลยก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ก็เชื่อว่าไม่น่าจะยุบไปเลยเพราะคลังต้องหาเงินมาคืนผู้ถือหน่วยมาก เหมือนกับกองทุน LTF ที่มีแนวคิดที่จะยกเลิกกองทุน LTF ไปซึ่งก็เป็นแค่แนวคิด เพราะสุดท้ายคนที่มีความคิดนี้ก็ไม่กล้าที่จะลงมือทำเพราะอาจจะมีเกิดผลเสียตามมาเช่นกัน
ดังนั้นจึงน่าจะมีการดำเนินการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ขึ้นมาทดแทน แต่จะมีความน่าสนใจเหมือนกับกองทุนเดิมหรือเปล่าต้องคอยดู เพราะกองทุนเดิมนั้นที่ผ่านมาผลการดำเนินงานดี ขณะเดียวกันเชื่อว่าคนที่เคยลงทุนมาก่อนและได้ผลตอบแทนดีก็น่าจะกลับเข้ามาลงทุนใหม่ ซึ่งเราอาจต้องดูไปที่เรื่องของผลตอบแทนว่ากองใหม่ที่ตั้งขึ้นจะมีการการันตีผลตอบแทนหรือไม่ หากการันตีจะน่าสนใจเพียงใด
จับตายุบกองวายุภักษ์กระทบหุ้นในตลาด
รายงานจาก บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เปิดเผยว่า จากมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดของกองทุนวายุภักษ์สูงถึง 1.87 แสนล้านบาท หากปิดกองทุนไปโดยที่ไม่มีการตั้งกองทุนใหม่ขึ้นมาทดแทนจะทำให้กระทรวงการคลังต้องรับโอนหุ้นทั้งหมดของกองทุนซึ่งมีมูลค่ามาก ซึ่งทำให้มีภาระทางการเงินเพิ่มขึ้น แต่หากกระทรวงการคลังไม่ต้องการรับโอนหุ้นคืนอาจทำให้กองทุนจำเป็นต้องขายหุ้นหรือพันธบัตรที่ลงทุนอยู่ออกมาทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ที่กองทุนถืออยู่
ทั้งนี้ พบว่าหากกองทุนต้องปิดตัวลง และไม่มีการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาทดแทน หรือจัดตั้งกองทุนขึ้นมาทดแทนใหม่ไม่ทันอาจส่งผลกระทบต่อหุ้นที่กองทุนถืออยู่ เพราะกองทุนอาจจำเป็นที่จะต้องขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมาเพื่อชำระบัญชีและคืนเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยการขายหุ้นของกองทุนที่อาจจะเกิดขึ้นในกรณีนี้น่าจะเป็นไปในลักษณะการโอนหุ้นคืนให้กระทรวงการคลังที่ราคาตลาดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ที่ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว ซึ่งจะทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีแรงขายหุ้นในหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์ หนึ่งถืออยู่ทั้ง PTT, SCB, KTB, THAI, SCCC, ESSO ลดลง
อนึ่ง จากการเปิดเผยของกระทรวงการคลังพบว่า ส่วนใหญ่เห็นว่าให้มีการต่ออายุกองทุนไปอีก แต่ดำเนินการในลักษณะกองทุนเปิดจากเดิมที่เป็นกองทุนปิด โดยในช่วงแรกนั้นกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมด มีมูลค่ากองทุนประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งจะยังไม่มีการการันตีผลตอบแทน รวมทั้งยังไม่เปิดขายให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยจนกว่าจะเห็นว่าทางกระทรวงการคลังจะต้องการใช้เงินจึงจะเปิดขาย
ส่วนการบริหารกองทุนใหม่ กระทรวงการคลังจะต้องจ้างผู้จัดการกองทุนมาบริหารทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาทำรายละเอียด และจะเสนอให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้พิจารณาเห็นชอบต่อไป