ทีมงานขอยกแนวคิดการมีอิสรภาพทางการเงินของคุณชัยภัทร เนื่องคำมา ซึ่งเคยเขียนคอลัมน์ให้เราในชื่อ มนุษย์หุ้น 2.0 กลับมารีรันอีกครั้งในรูปแบบอินโฟกราฟิก
มีเป้าหมายชัดเจน
เกือบทุกคนที่ผมศึกษาล้วนมีเป้าหมายถึง “อิสรภาพทางการเงิน” ชัดเจน มั่นคง ต้องการเอาชนะตนเอง และผู้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เริ่มต้นได้เร็ว เริ่มอย่างเข้าใจ รู้ว่าจะต้องศึกษาอะไร ทำอะไรเพื่อจะไปถึงเป้าหมาย เขาหาสิ่งที่ลงทุนได้ถูกต้อง เหมาะสมกับตัวเอง
อดออม ไม่ฟุ่มเฟือย
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ มี “อิสรภาพทางการเงิน” ส่วนใหญ่แม้จะมีชีวิตที่หรูหรา แต่เขาเหล่านั้นมีวินัยทางการเงิน ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ใช้จ่ายเกินตัว โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นก่อร่างสร้างตัว พวกเขาเหล่านั้นอดออม และมัธยัสถ์ รู้คุณค่าของเงิน เงินผลตอบแทนที่ได้มาจากการลงทุนในยามเริ่มต้นพวกเขาจะไม่นำมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซื้อสิ่งของไม่จำเป็น แต่จะนำไปใช้ลงทุนเพิ่มเพื่อให้มันงอกเงยเติบโต ตัวอย่างเรื่องการออม การไม่ฟุ่มเฟือย น่าจะยกให้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่นักลงทุนอย่างมากในเรื่องนี้
มันไม่ได้เกิดในไม่กี่เดือน กี่ปี
“อิสรภาพทางการเงิน” แบบที่เห็นบางโฆษณามันแหกตา ไม่มีใครเลยสักคนไปถึงใน 30 วันหรือแม้แต่ 1 ปี 2 ปี คนที่ประสบความสำเร็จและมีอิสรภาพทางการเงินเขาพบวิธีการและทำมันอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเรียนรู้วิธีการลงทุน การสั่งสมประสบการณ์ จนชัดเจนและเข้มแข็งพอที่จะพาเขาไปสู่เป้าหมายมันต้องใช้เวลาหลายปี ยกตัวอย่างเช่นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ เขาเหล่านั้นใช้เวลาเพื่อเพาะบ่มให้เม็ดเงินเติบโตผ่านดอกเบี้ยทบต้นหลายปีกว่าจะถึงเป้าหมาย
และรูปแบบเป็นการให้เงินทำงานแทนเราอย่างแท้จริง เพราะถึงแม้เราจะติดเกาะอยู่ในป่าสัก 5 ปี เงินลงทุนในหุ้นก็ยังเติบโตไปตามกิจการที่เราเลือกลงทุน หรือแม้แต่เศรษฐีที่พบกับอิสรภาพทางการเงินจากการดำเนินธุรกิจเองจนกิจการประสบความสำเร็จ และได้เข้าตลาดหุ้น ผู้ก่อตั้ง ผู้บริหารก็ได้รับหุ้น ได้รับปันผล แม้จะวางมือจากการเป็น CEO ส่งไม้ต่อให้คนอื่นมาบริหาร ตนก็ยังมีผลตอบแทนต่อเนื่องจากเงินปันผลจากหุ้นที่ถืออยู่ พวกเขาเหล่านี้ก็ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เช่นกัน
ปลอดภัยไม่เสี่ยงเกินตัว
เมื่อ “อิสรภาพทางการเงิน” มาจากดอกเบี้ยทบต้น มาจาก passive income ที่เกิดจากการเลือกลงทุนอย่างชาญฉลาด ลงทุนในกิจการที่เติบโต ให้ผลตอบแทนต่อเนื่องและเหมาะสม นั่นหมายถึงการที่เราจะมั่งคั่งมันต้องใช้เวลาเพื่อทวีคูณ และมีเหตุผลค่อยเป็นค่อยไปเหมาะสมกับความเสี่ยง ถ้าเน้นรวยเร็ว โตเร็วไม่กี่เดือน ไม่กี่ปีแบบที่นิยมโฆษณากันจะมีแต่เสี่ยง โอกาสหมดตัว สูญเสียเงินก็มีมาก ถึงเวลานั้น “อิสรภาพทางการเงิน” ก็จะอยู่ไกลเกินเอื้อมไปอีก
เข้าใจความหมายของ อิสรภาพ ที่แท้จริง
ผู้ที่ประสบความสำเร็จ พวกเขามอง “อิสรภาพทางการเงิน” หมายถึง “อิสรภาพ” ที่แท้จริง นั่นหมายถึง
การมีอิสระทางเวลา อิสระทางความคิด ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงิน ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายหรือสะสมเงินทองเพื่ออนาคต เพราะมีแหล่งสร้างกระแสเงินสดให้เราได้เองตลอดเวลา ดังนั้นก็จะมีเวลามากพอที่จะไปทำกิจกรรมอย่างอื่น ไปทำสิ่งที่ต้องการทำ สิ่งที่ทำแล้วเป็นสุข เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป
อิสรภาพทางการเงิน แต่ละคนไม่เท่ากัน
“อิสรภาพทางการเงิน” ไม่ได้แปลว่าร่ำรวยมหาศาลเสมอไป ไม่ใช่ว่าต้องมีทรัพย์สินหมื่นล้านแบบที่นิยมโฆษณากันเท่านั้นเท่านี้ แต่คำว่า อิสรภาพทางการเงิน นั้นขึ้นอยู่กับการนิยามคำว่า “พอ” ในความหมายของแต่ละคน การมีมากมีน้อยไม่สำคัญเท่ากับ เรามีเท่าไหร่แล้วคิดว่าพอ ไม่ได้ขึ้นกับตัวเลข
บางคนมี 1 ล้านตั้งเป้าที่ 100 ล้าน พอเรามี 100 ล้านเรามักจะอยากมี 1,000 ล้าน เพราะคิดว่าร้อยล้านนั้นไม่เพียงพอแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นต่อให้แก่จนตายคุณก็ไม่สามารถเข้าถึงคำว่าอิสรภาพทางการเงินได้หรอก โดยธรรมชาติความต้องการของมนุษย์มีไม่จำกัด แต่เราสามารถฝึกฝนจำกัดความโลภของตัวเองได้
ดังนั้นอย่าไปตั้งเป้าที่ว่าจะมีเงินเท่าไหร่ แต่จงตั้งเป้าหมายว่าเราจะพอเท่าไหร่ ต้องการใช้เงินเท่าไหร่แล้วหาเงินให้พอดีกับความต้องการใช้จ่ายของเรา ทั้งรายจ่ายประจำ รายจ่ายยามฉุกเฉิน และเงินสำรอง แน่นอนว่าต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด แต่ไม่ใช่มากมายจนหาประมาณไม่ได้
ขอยกตัวอย่างตัวผมเอง อนาคตผมเองวางแผนว่ารายจ่ายประมาณปีละ 500,000 บาท บวกกับส่วนสำรองอีกสัก 50% คิดเป็น 750,000 บาทต่อปี (แบบสบายสุดๆ เพื่อเลี้ยงครอบครัว) ดังนั้นถ้าพอร์ตลงทุนสามารถสร้างกระแสเงินสดจากเงินปันผลหรือผลตอบแทนได้คงที่ปีละ 750,000 บาท ผมก็ถือว่าตัวเองมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ไม่ต้องรอมีพันล้าน หมื่นล้านแล้วค่อยมีอิสระ
หลายคนมองว่าง่ายๆ เงินเพียงแค่นี้เองหรือ??? จริงๆ ความยากคือการทำให้มันเกิดกระแสเงินสดจากผลตอบแทนที่คงที่ไม่น้อยกว่าเป้าที่วางไว้ไปตลอดชีวิตตัวเรานี่ต่างหากที่ท้าทาย ต้องใช้ความสามารถ ประสบการณ์ในการลงทุนที่มาก แตกต่างจากการถูกแจ็กพอตทำกำไรได้เยอะๆ ในครั้งเดียว
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมไปถึงอิสรภาพทางการเงินของตัวเองได้แน่นอนในชาตินี้คือ วิธีคิด เพราะผมเน้นการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่มีความต้องการจะครอบครองทางวัตถุที่มากมาย ไม่ได้อยากเป็นเศรษฐีขับรถสปอร์ต อยู่บ้านหลังละหลายสิบล้าน ซื้อของแบรนด์เนมแพงๆ ผมชอบชีวิตแบบเรียบง่าย พอเพียง มันทำให้ผมเห็นเป้าหมายอิสรภาพทางการเงินของตัวเองที่ชัดเจนและอยู่บนโลกของความเป็นจริง