นายพงศ์ธาริน ทรัพยานนท์ หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวขึ้นมาจริง แต่เป็นไปแบบช้าๆ ขณะที่ตัวเลขการว่างงายยังมีอยู่ ซึ่งการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีการลดการใช้มารตรการ QE นั้นเชื่อว่ายังไม่น่าจะปรับลดลงในช่วง 9 เดือนนี้เพราะยังเร็วเกินไป ขณะเดียวกันต้องการคงอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำไว้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยที่ความกังวลที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มองว่าเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น แต่หากจะมีการปรับลดลงคาดว่าคงลดลงไม่เกิน 2 ล้านล้านเหรียญ
ทั้งนี้ ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย มองว่าภูมิภาคเอเชียไม่น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว เพราะเนื่องจากค่าเงินที่อ่อนค่าลง รวมทั้งประเทศไทยด้วย ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบันไปอีกประมาณ 12 เดือนเพราะเป็นระดับที่เหมาะสม เงินเฟ้อเริ่มนิ่ง และการเติบโตของเศรษฐกิจไทย แต่หากเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงต่ำกว่า 4% คาดว่าแบงก์ชาติน่าจะปรับลด
“รัฐบาลไทยสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ขณะที่หนี้สาธารณะที่มีอยู่ก็เป็นหนี้ต่างประเทศที่น้อย ส่วนใหญ่เป็นหนี้ในประเทศ และเงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้ไม่เป็นปัญหาในขณะนี้ โดยรวมแล้วปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจดีกว่าในอดีตที่ผ่านมามาก” นายพงศ์ธารินกล่าว
นายพงศ์ธารินยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของตลาดเกิดใหม่ยังมีเศรษฐกิจที่ดี แต่การเติบโตช้าลง การเทขายทำกำไรออกมามากไม่มีปัญหามากเพราะพื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ขณะที่ปัญหายุโรปยังต้องใช้เวลาอีกนานเพราะมีหลายประเทศที่ต้องใช้นโยบายลดค่าใช้จ่ายลง แทนการลดอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก็มีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมาได้
ทั้งนี้ ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย มองว่าภูมิภาคเอเชียไม่น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว เพราะเนื่องจากค่าเงินที่อ่อนค่าลง รวมทั้งประเทศไทยด้วย ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบันไปอีกประมาณ 12 เดือนเพราะเป็นระดับที่เหมาะสม เงินเฟ้อเริ่มนิ่ง และการเติบโตของเศรษฐกิจไทย แต่หากเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงต่ำกว่า 4% คาดว่าแบงก์ชาติน่าจะปรับลด
“รัฐบาลไทยสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ขณะที่หนี้สาธารณะที่มีอยู่ก็เป็นหนี้ต่างประเทศที่น้อย ส่วนใหญ่เป็นหนี้ในประเทศ และเงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้ไม่เป็นปัญหาในขณะนี้ โดยรวมแล้วปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจดีกว่าในอดีตที่ผ่านมามาก” นายพงศ์ธารินกล่าว
นายพงศ์ธารินยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของตลาดเกิดใหม่ยังมีเศรษฐกิจที่ดี แต่การเติบโตช้าลง การเทขายทำกำไรออกมามากไม่มีปัญหามากเพราะพื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ขณะที่ปัญหายุโรปยังต้องใช้เวลาอีกนานเพราะมีหลายประเทศที่ต้องใช้นโยบายลดค่าใช้จ่ายลง แทนการลดอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก็มีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมาได้