เครือภัทร ผนึกกำลังปรับโครงสร้างทั้งกลุ่ม ตั้ง"ยุทธพล ลาภละมูล"นั่งแทนบริหารงานบลจ. พร้อมเล็งเลี่ยนชื่อเป็นบลจ.ภัทร เพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมโอนไพรเวทฟันด์ให้ดูแล ระบุกองทุนส่วนบุคคล 8 เดือน ลูกค้าตอบรับเยี่ยมให้ดูแลสินทรัพย์ที่เป็นหุ้นกว่า 5 พันล้านบาท
นายกฤติยา วีรบุรุษ ประธานธุรกิจตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในส่วนของการบริหารจัดการลงทุนในปัจจุบันได้จัดตั้งหน่วยงานด้านกองทุนส่วนบุคคลมา 8 เดือน ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าดูแลสินทรัพย์ที่เป็นหุ้นกว่า 5,000 ล้านบาทและผลตอบแทนดีกว่าตลาดค่อนข้างมาก ซึ่งงานส่วนนี้มีแผนจะโอนไปยังบลจ.เกียรตินาคินภายในไตรมาส 3 นี้ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อบลจ.เกียรตินาคินเป็นบลจ.ภัทร เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการจัดโครงสร้างธุรกิจที่ใช้ภัทร เป็นแกนนำในการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนต่อไป
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทในกลุ่มดูแลสินทรัพย์การลงทุนของลูกค้าเกือบ 300,000 ล้านบาทและมีส่วนแบ่งตลาดของการซื้อขายหลักทรัพย์ของทั้งกลุ่มอยู่ที่กว่า 5% ซึ่งให้บริการลูกค้าทุกกลุ่ม โดยลูกค้ารายใหญ่จะใช้แบรนด์ภัทร เวลธ์ ส่วนลูกค้ารายย่อยจะมีบล.เกียรตินาคินดูแล ซึ่งปัจจุบันมี 12 สาขา ขณะที่ธุรกิจจัดการลงทุนมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน มีมูลค่าสินทรัพย์ 23,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีนายยุทธพล ลาภละมูล เข้ามาเป็นกรรมการผู้จัดการ ดังนั้นจากนี้น่าจะบริการลูกค้าได้ครบทุกด้าน โดยบริษัทจะใช้ความถนัดและฐานลูกค้าในกลุ่มเพื่อขยายตลาดต่อเนื่อง
"แนวโน้มธุรกิจด้านตลาดทุนยังดีอย่างต่อเนื่องในปีนี้ หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับต่ำและเงินไหลเข้าต่อเนื่อง ทำให้หุ้นยังมีแนวโน้มที่ดี ขณะที่งานด้านด้านวาณิชธนกิจยังมีอยู่ในมือประมาณ 1-2 ดีล จากที่ผ่านมามีงานที่ปรึกษาการเงินดีลซื้อหุ้นข้ามคืนของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ที่จะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 นี้ รวมถึงเป็นที่ปรึกษาและรับประกันจัดจำหน่ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท" นายกฤติยา กล่าว
นายกฤติยา กล่าวต่อไปว่า โดยแผนการดำเนินงานหลักในปีนี้จะเน้น 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ การให้บริการลูกค้าบุคคล การบริหารจัดการลงทุนและธุรกิจอินเวสเม้นท์แบงก์กิ้ง ซึ่งให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สถาบัน ธุรกิจวาณิชและการลงทุน
"ในปีนี้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ส่งผลให้ธุรกิจด้านตลาดทุนในปีนี้สร้างรายได้ดี รวมถึงดีลควบรวมกิจการและงานที่ปรึกษาทางการเงินที่มีเข้ามาจำนวนมาก ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากตลาดทุนของกลุ่มเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50% เท่ากับงานด้านตลาดการเงิน 50% ซึ่งสัดส่วนที่เหมาะสมอยากเห็น 30% และ 70% มากกว่า"
นายกฤติยา วีรบุรุษ ประธานธุรกิจตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในส่วนของการบริหารจัดการลงทุนในปัจจุบันได้จัดตั้งหน่วยงานด้านกองทุนส่วนบุคคลมา 8 เดือน ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าดูแลสินทรัพย์ที่เป็นหุ้นกว่า 5,000 ล้านบาทและผลตอบแทนดีกว่าตลาดค่อนข้างมาก ซึ่งงานส่วนนี้มีแผนจะโอนไปยังบลจ.เกียรตินาคินภายในไตรมาส 3 นี้ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อบลจ.เกียรตินาคินเป็นบลจ.ภัทร เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการจัดโครงสร้างธุรกิจที่ใช้ภัทร เป็นแกนนำในการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนต่อไป
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทในกลุ่มดูแลสินทรัพย์การลงทุนของลูกค้าเกือบ 300,000 ล้านบาทและมีส่วนแบ่งตลาดของการซื้อขายหลักทรัพย์ของทั้งกลุ่มอยู่ที่กว่า 5% ซึ่งให้บริการลูกค้าทุกกลุ่ม โดยลูกค้ารายใหญ่จะใช้แบรนด์ภัทร เวลธ์ ส่วนลูกค้ารายย่อยจะมีบล.เกียรตินาคินดูแล ซึ่งปัจจุบันมี 12 สาขา ขณะที่ธุรกิจจัดการลงทุนมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน มีมูลค่าสินทรัพย์ 23,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีนายยุทธพล ลาภละมูล เข้ามาเป็นกรรมการผู้จัดการ ดังนั้นจากนี้น่าจะบริการลูกค้าได้ครบทุกด้าน โดยบริษัทจะใช้ความถนัดและฐานลูกค้าในกลุ่มเพื่อขยายตลาดต่อเนื่อง
"แนวโน้มธุรกิจด้านตลาดทุนยังดีอย่างต่อเนื่องในปีนี้ หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับต่ำและเงินไหลเข้าต่อเนื่อง ทำให้หุ้นยังมีแนวโน้มที่ดี ขณะที่งานด้านด้านวาณิชธนกิจยังมีอยู่ในมือประมาณ 1-2 ดีล จากที่ผ่านมามีงานที่ปรึกษาการเงินดีลซื้อหุ้นข้ามคืนของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ที่จะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 นี้ รวมถึงเป็นที่ปรึกษาและรับประกันจัดจำหน่ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท" นายกฤติยา กล่าว
นายกฤติยา กล่าวต่อไปว่า โดยแผนการดำเนินงานหลักในปีนี้จะเน้น 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ การให้บริการลูกค้าบุคคล การบริหารจัดการลงทุนและธุรกิจอินเวสเม้นท์แบงก์กิ้ง ซึ่งให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สถาบัน ธุรกิจวาณิชและการลงทุน
"ในปีนี้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ส่งผลให้ธุรกิจด้านตลาดทุนในปีนี้สร้างรายได้ดี รวมถึงดีลควบรวมกิจการและงานที่ปรึกษาทางการเงินที่มีเข้ามาจำนวนมาก ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากตลาดทุนของกลุ่มเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50% เท่ากับงานด้านตลาดการเงิน 50% ซึ่งสัดส่วนที่เหมาะสมอยากเห็น 30% และ 70% มากกว่า"