โดย sabuysuk@gmail.com
“การออมเงินมันเป็นการสอนให้เรารู้จักรับผิดชอบ รู้จักใช้จ่ายอย่างมีแบบแผนว่าส่วนนี้ควรใช้ได้เท่าไหร่ เช่นทุกวันนี้ไปมหาวิทยาลัยก็จะพกเงินไปน้อยมาก เพื่อเป็นการกันไม่ให้เราใช้จ่ายในของที่ฟุ่มเฟือย แต่ในบางครั้งก็ทำเอาแย่เหมือนกัน เพราะด้วยความที่พกเงินไปน้อย”
ทุกวันนี้ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และยิ่งถ้าเราใช้จ่ายซื้อของที่น่าเหนือจากความจำเป็นในแต่ละวัน ทำให้ไม่มีเงินเก็บหรือเงินในแต่ละเดือนแทบไม่พอใจ และถ้าเราไม่รู้จักจัดสรรปันส่วนเงินตามรายได้ให้เหมาะสม ก็จะทำให้เราไม่มีเงินและเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเราอาจจะแย่ได้ ซึ่งถ้าหากเราไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ต้องเริ่มที่จะแบ่งเงินบางส่วนออกมาเก็บออมบ้าง โดยอาจจะแยกรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วดูว่ามีเงินคงเหลือเท่าไหร่ ก็นำเงินที่เหลือเก็บไว้ใช้ในอนาคตได้
คอลัมน์“เจาะพอร์ตคนดัง” ฉบับนี้ ได้เข้าไปสัมภาษณ์นักร้องเสียงดีอย่าง “ขนมจีน-กุลมาศ ลิมปุวุฒิวรานนท์” ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความกตัญญูมาก เพราะเงินที่ได้มาส่วนใหญ่แล้ว เธอจะนำมาซื้อบ้านและส่งเสียน้องสาวสุดที่รักเรียนไกลถึงประเทศอินเดีย
“ขนมจีน” บอกว่า เงินที่ได้มาจากการเล่นคอนเสิร์ต และงานอีเวนต์จะเก็บไว้ในอีกบัญชีหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีเงินที่เป็นมรดกของคุณพ่อก็จะเก็บไว้อีกบัญชีหนึ่ง และยังนำเงินบางส่วนแบ่งออกมาเพื่อส่งน้องสาวเรียนที่ประเทศอินเดีย เพราะมองว่าค่าเทอมไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับในประเทศไทย แลแถมยังได้ประสบการณ์ใหม่จากนอกประเทศด้วย
นอกจากนี้แล้วยังได้นำเงินบางส่วนซื้อบ้านที่ศาลายาหนึ่งหลังให้กับคุณแม่ เพื่อเปิดไว้ให้เช่าและเก็บเป็นรายได้ต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้มีบ้านที่คลองตัน และด้วยที่ปล่อยให้แล้ว ซึ่งถือว่าในส่วนนี้เป็นอีกหนึ่งรายได้ที่เพิ่มเข้ามาให้แก่ครอบครัวด้วย
“การออมเงินมันเป็นการสอนให้เรารู้จักรับผิดชอบ รู้จักใช้จ่ายอย่างมีแบบแผน ว่าส่วนนี้ควรใช้ได้เท่าไหร่ เช่นทุกวันนี้ไปมหาวิทยาลัยก็จะพกเงินไปน้อยมาก เพื่อเป็นการกันไม่ให้เราใช้จ่ายในของที่ฟุ่มเฟือย แต่ในบางครั้งก็ทำเอาแย่เหมือนกัน เพราะด้วยความที่พกเงินไปน้อย แต่มีกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัยที่ต้องใช้สตางค์ เราก็ไม่มีแต่โชคดีที่มีเพื่อนให้ยืมไปใช้ก่อน และตอนหลังเราก็นำเงินมาคืนเพื่อน”
สำหรับการบริหารเงินออม คุณแม่จะสอนเสมอว่า เราต้องมองถึงอนาคตให้มากๆ ถ้าเราได้เงินมา เราต้องนำเงินมาต่อยอด และควรซื้ออสังหาริมทรัพย์เก็บไว้ ถ้าเราได้มีโอกาสได้ทำงาน ก็อย่าให้หลงลืม และไม่ควรใช้ของแบรนด์เนม ซึ่งปัจจุบันเราก็ไม่เคยใช้ของที่มียี่ห้อมากนักถ้าไม่จำเป็น
“ขนมจีน” บอกต่อไปว่า ในช่วงอายุประมาณ 11 ปี ได้เข้าประกวดร้องเพลง กับ KPN และได้รางวัลชนะเลิศ ซึ่งเป็นการแข่งขันรุ่นเดียวกับ “หนูนา” ได้เงินรางวัลมาประมาณ 100,000 บาท ดีใจมาก ก็นำเงินตรงนี้มาซื้อคอมพิวเตอร์ให้กับตัวเอง และที่เหลือให้คุณแม่หมดเลย มันเป็นความประทับอย่างหนึ่งที่เราสามารถหาเงินให้กับตัวเองได้และก็เยอะด้วยในตอนนั้น
ส่วนภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ “ขนมจีน” มองว่าข้าวของแพงก็จริง และถ้าเรารู้จักใช้ก็จะไม่เกิดปัญหา และยิ่งตอนนี้มีตุ๊กตาเฟอร์บี้เข้ามา ซึ่งส่วนตัวมองว่ามันเป็นของฟุ่มเฟือยแต่ถ้าใครมีกำลังซื้อและไม่เดือดร้อนก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใครที่อยากได้ตามกระแสแต่เงินไม่มี “ขนมจีน” แนะนำว่า นำเงินเก็บไว้ซื้อของที่จำเป็นจะดีกว่า
ปัจจุบัน “ขนมจีน” มีผลงานซิงเกิลเพลง “พรุ่งนี้ฉันจะเป็นแฟนเธอ” เป็นเรื่องราวความรักในช่วงเวลาตัดสินใจ เพื่อจะบอกรักใคร โดยใน MV จะทำเป็นเรื่องราวความรักของ 3 คู่ และต่างวัยกัน และผลงานละครมีเรื่อง “ผู้ชนะสิบทิศ” ทางช่อง 8 ส่วนในอนาคตมีแผนที่อยากจะเปิดโรงเรียนสอนร้องเพลง เพราะเราเรียนมาทางด้านนี้ และถือว่าเป็นสิ่งที่ถนัดที่สุด
หลักและแนวคิดในการทำงาน “ขนมจีน” ทำงานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ และขยันฝึกซ้อมอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้งานทุกชิ้นที่ได้ทำออกมาดีและมีคุณภาพ และดีใจมากที่ได้ทำงานทั้งงานเพลง และละคร เพราะมันทำให้เราได้ฝึกฝนพัฒนาการหลายๆ ด้วย
ส่วนวันว่างในการทำงาน “ขนมจีอ จะไปกินข้าวกับคุณแม่ หรือไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ซึ่งคุณแม่มักจะหากิจกรรมต่างๆ มาให้ทำ ซึ่งส่วนตัวแล้วก็ชอบเพราะมันจะทำให้เรากับคุณแม่ไม่เกิดช่องว่างกัน
สุดท้าย “ขนมจีน” ฝากบอกว่าการจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จต้องมาจากใจที่รัก ซึ่งตัว “ขนมจีน” เองโชคดีที่หาสิ่งที่รักเจอก่อนใคร ซึ่งงานที่เรารักสิ่งที่สำคัญมันก็จะทำให้เราทำแล้วประสบความสำเร็จแบบไม่ย้อท้อ และไม่รู้สึกที่ไม่อยากจะทำ ซึ่งถือว่าตัวเองโชคดีมากๆ
ชื่อ - นามสกุล กุลมาศ ลิมปุวุฒิวรานนท์ (ขนมจีน)
วันเดือนปีเกิด 20 สิงหาคม 2535
การศึกษา คณะศิลปศาสตร์ สาขาดุริยางคศิลป์ เอก Voice จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผลงานปัจจุบัน ละครผู้ชนะสิบทิศ ช่อง 8
ซิงเกิลเพลง พรุ่งนี้ฉันจะเป็นแฟนเธอ