ฮอตฮิตมีเรื่องให้ติดตามเข้มข้นกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายและความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติกับความหมายของการลดอัตราดอกเบี้ยกับภาวะฟองสบู่ ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง 2 แง่มุมกับเงินทุนไหลเข้า และเงินที่ท่วมระบบจากการลดอัตราดอกเบี้ย เอาเข้าจริงคงจะต้องมีเคลียร์กันอีกสักรอบ
มาดูราคาทองคำกันบ้าง เพราะช่วงที่ผ่านมาตกวูบมาอย่างต่อเนื่องล่าสุดราคาทองคำภายในประเทศวานนี้ปรับตัวลดลงไปอีก 200 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อคืนที่บาทละ 22,150 บาท และขายที่บาทละ 22,250 บาททองรูปพรรณรับซื้อคืนที่บาทละ 21,830.40 บาท และขายที่บาทละ 22,650 บาท ใครที่รอช้อนซื้อน่าจะมีลุ้นต่ำสุดที่ 21,000 บาท แต่อย่างที่บรรดากูรูแนะนำกันคือทยอยสะสมถ้ามีเงินเหลือเฟ้อ
ส่วนหุ้นบ้านเราและภูมิภาคเอเชียหลังจากผันผวนขึ้นลงมาทั้งสัปดาห์ก็ได้รับข่าวดีเริ่มต้นเดือนใหม่กับการคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสรัฐหรือQE3 ทำให้หุ้นไทยและในภูมิภาคเอเชียปรับตัวขึ้นมาตามๆ กัน ส่วนประเด็นหุ้นไหนปั่นหรือไม่ปั่นอย่างไรติดตามกันไดักับผู้จัดการสุดสัปดาห์รับรองมันหยด
หันมาดูแวดวงกองทุนรวมสัปดาห์นี้กันบ้าง มีเปิดขายหลายกองทุนทั้งตราสารหนี้ และการเข้าเทรดของกองทุนอีทีเอฟในตลาดหลักทรัพย์โดยบลจ.กรุงไทย เตรียมเปิดขายกองทุนรวมอีทีเอฟ 2 กองทุน ในเดือนมีนาคมนี้ คือกองทุนเปิด KTAM SET Energy ETF Tracker (ENY) เป็นกองทุนอีทีเอฟที่อ้างอิงดัชนีหมดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และจะออกกองทุนเปิด KTAM SET Food and Berverage (EFOOD) เป็นกองทุนอีทีเอฟที่อ้างอิงดัชนีหมดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
บลจ.กสิกรไทย เสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องในวันที่ 27 ก.พ. - 4 มี.ค. 2556 อจำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ซีจี (KFI3MCG) ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.80% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีดี (KFI3MBD) โอกาสรับผลตอบแทนหลังหัก ค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ส่วนบลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เปิดขาย 2 กองทุนตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี75 (KTSUPB75 ) อายุ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.00%ต่อปี และบลจ. ธนชาต จำกัด เตรียมเปิดขาย กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 6M21 (TFI6M21) ระยะเวลาลงทุน 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี
เป็นไปตามกระแสและความต้องการของคนไทยกับกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งสามารถเลือกซื้อเลือกลงทุนกันได้หลากรูปแบบ แต่สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ การลงทุนในอีทีเอฟพลังงานคงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่หน้าสนใจเพราะปัจจุบันหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค มีมูลค่าตลาดสูงสุดในดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คิดเป็นสัดส่วน 20.52% (ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2555) ซึ่งหากพิจารณาในด้านราคาแล้วพบว่าหุ้นกลุ่มพลังงานค่อนข้างจะปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดพอสมควรในช่วง 2 ปีผ่านมา ซึ่งทำให้ระดับราคามีความน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ผลประกอบการอยู่ที่ประมาณ 12% ในปีนี้
และเมื่อลอฟัง น.ส.นลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานว่า ขณะที่ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานในปีนี้ ถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในกลุ่มปิโตรเลียมของหลายบริษัทมีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ทำให้ราคาน้ำมันจะไม่ต่ำกว่าในระดับปีที่ผ่านมา ด้านถ่านหินยังมีมุมมองในเชิงบวก มีความต้องการในเศรษฐกิจโลก เช่นเดียวกับกลุ่มปิโตรเคมี ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของขาขึ้นใหม่ในปีนี้จากความต้องการที่มากขึ้น รวมถึงในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ในปีนี้ราคาจะดีดตัวเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น ในปีนี้มองว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานจะมีการปรับตัวขึ้นประมาณ 20% และมีอัตราการจ่ายปันผลในระดับ 5%
น่าสนใจไม่น้อยทีเดียแต่ถ้าใครยังตัดสินใจไม่ได้สามาถพักเงินลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ไว้ก่อนได้ เพราะนอกจากผลตอบแทนจะมากกว่าเงินฝากแล้วรับรองความมั่นคงไม่แพ้กัน แต่ที่แน่ๆอย่าลืมเข้าคูหาเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครกัน