แนะอุตสาหกรรมกองทุนรวม ควรเน้นตราสารหุ้นมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวมากกว่าตราสารหนี้ พร้อมสร้างผู้บริหารกองทุนหุ้นให้มากขึ้น ย้ำ กองทุน LTF- RMF ควรมีอยู่เพราะสร้างผลตอบแทนที่ตอบโจทย์ลงทุนระยะยาว
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด และนายกสมาคมจัดการลงทุน กล่าวในงานสัมนาเรื่อง ไขข้อปริศนาเพื่อการพัฒนาตลาดกองทุนไทยให้ยั่งยืน โดยกล่าวว่าในปัจจุบันการลงทุนในกองทุนรวมส่วนใหญ่เป็นการลงทุนอยู่ในตราสารหนี้เป็นจำนวนมาก และไม่ตอบวัตถุประสงค์การลงทุนในระยะยาวเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ซึ่งควรจะเป็นการลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่สูงและเป็นการลงทุนในระยะยาว ดังนั้นการลงทุนในกองทุน LTF-RMF จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ให้คนมีการออมเงินไว้ใช้ในอนาคต และให้ได้รับประโยชน์จากตรงนี้ที่เท่าเทียมกัน เพราะมองว่าประเทศควรมีชนชั้นกลางที่มากขึ้นและมีความรู้ในเรื่องการลงทุน
นางเกศรา มัญชุศรี รองผู้จัดการสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่มีการจัดตั้ง บลจ.ขึ้น นักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกันมาก แต่เมื่อประสบปัญหาเศรษฐกิจทำให้เงินไหลไปสู่การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่นักลงทุนควรมองที่การลงทุนในกองทุนระยะยาว เพราะไม่ว่าจะเป็นกองทุนใด เมื่อลงทุนในระยะยาวแล้วย่อมให้ผลตอบแทนที่ดีแน่นอน
นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทรินิตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันในอุตสาหกรรมกองทุนรวมยังมีผู้จัดการกองทุนที่บริหารกองทุนหุ้นอยู่น้อย ซึ่งควรจะสร้างขึ้นให้มากขึ้นและให้ความสำคัญกับกองทุนหุ้นให้มากขึ้น จึงมีความเห็นว่ากองทุนอย่าง LTF-RMF จึงยังต้องมีอยู่เพราะเป็นการสร้างการลงทุนในหุ้นที่มีความสำคัญ
นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม และที่ปรึกษาคณะกรรมการ บลจ.เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ควรการส่งเสริมการลงทุนในหุ้นให้มากขึ้นโดยที่นักลงทุนสามารถได้ข้อมูลหุ้นได้โดยตรงเพื่อประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน อย่างเช่นหุ้นที่เกี่ยวกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยให้ข้อมูลหุ้นต่างๆ แก่นักลงทุนได้โดยตรง เพราะพบว่าที่ผ่านมาการข้อมูลหุ้นที่จะลงทุนนั้นยังหาได้ยาก
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาหลังจากมีการลงทุนในตราสารหนี้ขึ้น คนมีความรู้ความเข้าใจในตราสารหนี้แล้ว แต่การลงทุนควรมีการทำความเข้าใจในเรื่องการลงทุนในหุ้นให้มากขึ้นกว่าลงทุนในตราสารหนี้ เพื่อสร้างการเติบโตเช่นเดียวกับรูปแบบการลงทุนในกองทุน LTF-RMF เช่นเดียวกับในต่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในกองทุนหุ้นที่มากกว่าและสร้างการเติบโตที่ดีกว่า
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ในส่วนของการกำกับดูแลอุตสหกรรมกองทุนรวมนั้นทาง ก.ล.ต.ก็พยายามส่งเสริมให้มีการลงทุนที่หลากหลาย กำกับดูแลการลงทุน รวมถึงการดูแลให้เกิดความโปร่งใส่ โดยในอนาคตอันใกล้นี้สิ่งที่ ก.ล.ต.จะต้องส่งเสริมให้มากขึ้นนั้นก็คือ ดูแลความเสี่ยงและสภาพคล่องให้มากขึ้น เนื่องจากช่วงนี้มีกระแสเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น กาดูและสภาพคล่องและความเสี่ยงก็เป็นสิ่งสำคัญนอกจากนี้จะเพิ่มสัดส่วนให้กองทุนสามารถไปลงทุนต่างประเทศให้มากขึ้นและมีการเสนอขายกองทุนข้ามประเทศ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจากกลงทุนพร้อมทั้งแสวงหาผลตอบแทนที่หลากหลายเพื่อรองรับการเกษียณที่จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ก.ล.ต.ได้สนับสนุนให้ บลจ.ปฏิบัติตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานระดับสากล (Global Investment Performance Standards : GIPS) ซึ่งจัดทำโดย CFA Institute เพิ่มเติมจากมาตรฐานของสมาคม เพื่อให้การคำนวณและการเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานของกองทุนรวมมีความเหมาะสม เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสามารถเปรียบเทียบกันได้ในระดับสากล อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเสนอขายหน่วยลงทุนข้ามประเทศด้วยเช่นกัน