บลจ.ไอเอ็นจีปลื้มกองทุน LTF ติดอันดับให้ผลตอบแทนสูงสุด 3 กองทุนจาก “มอร์นิ่ง สตาร์ไทยแลนด์” ได้แก่ “ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว” ให้ผลตอบแทน 46.56% อยู่ในอันดับที่ 4 ขณะที่ “ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผลหุ้นระยะยาว” ให้ผลตอบแทน 44.16% อยู่ในอันดับที่ 5 และ “ไอเอ็นจี ไทย Big Cap ปันผล หุ้นระยะยาว” ให้ผลตอบแทน 40.98% อยู่ในอันดับที่ 7
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการจัดอันดับผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) โดยบริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งวัดผลตอบแทนในรอบกว่า 11 เดือน ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมถึง 12 ธันวาคม 2555 ปรากฏว่ามีกองทุนภายใต้การบริหารงานของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกสูงถึง 3 กองทุน ซึ่งถือว่าเป็น บลจ.ที่มีกองทุนติดอันดับผลตอบแทนสูงสุดเป็นจำนวนมากที่สุด
ทั้งนี้ ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วง 11 เดือนแรกของปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 32.11% และเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมาดัชนีราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 1,354.57 จุด ซึ่งการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นส่งผลให้กองทุน LTF สร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น โดยจากการจัดอันดับบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า กองทุน LTF ของ บลจ.ไอเอ็นจีให้ผลตอบแทนสูงสุด จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทน 46.56% อยู่ในอันดับที่ 4 ขณะที่กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทน 44.16% อยู่ในอันดับที่ 5 และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย Big Cap ปันผล หุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทน 40.98% อยู่ในอันดับที่ 7 โดยทั้งสามกองทุนมีผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับดัชนี SET Index ที่ 32.11% และ SET50 ที่ 28.30%
“ต้องยอมรับว่าในปีนี้ทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะในเดือนธันวาคมมีความคึกคักเป็นพิเศษ หลังจากการเดินหน้าแก้ปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปคลี่คลายไปในระดับหนึ่ง ประกอบกับการที่ธนาคารสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายด้วยการเพิ่มปริมาณเงินเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 4 (QE4) ขณะที่อีกหลายๆ ประเทศก็เพิ่มปริมาณเงินในระบบ ทำให้มีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งตลาดหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่น่าพอใจ” นายจุมพลกล่าว
ส่วนปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนหุ้นระยะยาวของ บลจ.ไอเอ็นจี สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีมาจากการติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด และมีการปรับพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับภาวะการลงทุน รวมถึงหลักทรัพย์คุณภาพที่เลือกลงทุนมีผลประกอบการที่ดีและมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดีอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ กองทุน LTF ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจียังมีความหลากหลายและลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้สอดคล้องกับความต้องการหรือตามสภาวะการลงทุนในแต่ละช่วงได้ นอกเหนือจากการได้รับการลดหย่อนภาษีของนักลงทุนแต่ละท่าน
นายจุมพล กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจีจะมีส่วนในการตัดสินใจของนักลงทุน สำหรับในปีนี้ ทาง บลจ.ไอเอ็นจีได้จัดแคมเปญ ING LTF&RMF Money Cash Back ซึ่งนักลงทุนที่ซื้อผลิตภัณฑ์ LTF และ RMF ประเภทหุ้นทุนของบริษัทฯ ระหว่างวันที่ 1 กันยายนถึง 28 ธันวาคม 2555 โดยมียอดสะสมทุกๆ 50,000 บาท จะได้รับเงินสด (Cash Back) มูลค่า 250 บาท