โดยชัยภัทร เนื่องคำมา
www.cway-investment.com
มีคนเคยกล่าวว่า การค้นพบว่าตัวเราต้องการอยากทำอะไร เป็นอะไรนั้นเป็นเหมือนรางวัลที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต เป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จ ยิ่งค้นพบตัวเอาเจอเร็วเท่าไหร่ ยิ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลงมือทำฝันให้มันเป็นจริง
ผมเชื่อว่าหลายคนในวัยเด็กคงเคยเจอกับคำถามของคุณครูที่ว่าโตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร คงไม่มีใครตอบว่าโตขึ้นหนูอยากเทรดเดอร์ตั้งแต่วัยเด็ก แต่บนโลกนี้มีคนพูดประโยคนั้นครับ วันนี้ผมมีเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่เขารู้จักตลาดหุ้นตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ สนใจ และชื่นชอบในการลงทุนเป็นชีวิต จนวันนี้เขากลายเป็นคนดังที่รู้จักในวงการตลาดหุ้นและด้านการลงทุนของแคนาดา
เด็กวัยรุ่นไฮสกูลที่ผมกำลังกล่าวถึงนี้คือ Julian Marchese เป็นชาว Canadian จากเมือง Mississauga ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ Ontario ประเทศแคนาดา เด็กน้อยผู้ที่เข้ามาสู่ตลาดหุ้นตั้งแต่วัย 6 ขวบ เขาเริ่มต้นจากการอ่านหนังสือ Rich Dad Poor Dad บวกกับเขาเห็นพ่อของเขาลงทุนในตลาดหุ้น ทำให้เกิดความสนใจในเรื่องการลงทุน ภาพยิ่งชัดเจนไปใหญ่เมื่อตอนอายุ 10 ขวบเขาได้ดูภาพยนต์เรื่อง Trading Places ทำให้เขารู้ในทันทีว่าสิ่งที่เขาอยากเป็นในอนาคตคืออะไร ชีวิตที่ต้องการเป็นแบบไหน ใช่ครับ เขาบอกกับพ่อแม่ว่า เขาอยากเป็น Trader ที่ประสบความสำเร็จ
ซึ่งครอบครัวก็สนับสนุน ทั้งให้ความรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ โดยเฉพาะคุณพ่อที่ผลักดันลูกชายอย่างเต็มกำลัง เมื่อตอนเขาอายุ 10 ขวบ Julian Marchese ได้ทดลองแอบซื้อหุ้นครั้งแรกผ่านอินเทอร์เน็ตในบัญชีของพ่อ ซึ่งเป็นหุ้นสายการบิน ช่วงนั้นหุ้นสายการบินราคาต่ำเพราะเหตการณ์ 9-11 แต่เขาคิดว่าอนาคตตราบใดที่การเดินทางด้วยเครื่องบินยังเป็นสิ่งที่จำเป็น ราคาหุ้นพวกนี้ย่อมกลับมาได้ แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนั้น จะทำให้พ่อและแม่ต่างตะลึงและไม่ค่อยเห็นด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านมามันก็พิสูจน์ว่าเขาคิดถูก ไม่กี่เดือนถัดมาเขาทำกำไรได้จากการซื้อหุ้นครั้งนั้นหลายสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
ตอนอายุ 13 พ่อของเขาออกเงินส่งให้ Julian Marchese เข้าเรียน Online Trading Academy คอร์สระยะสั้น 7 วัน ซึ่งเขาเป็นนักเรียนที่อายุน้อยที่สุดตั้งแต่เปิดสอนกันมา คอร์สนี้สอนเนื้อหาเรื่องการวิเคราะห์หุ้น และการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคัล Julian Marchese สนุกและชื่นชอบเป็นอย่างมาก เขายังค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม ศึกษาเรียนรู้กระบวนคิดและระบบเทรดจากอินเทอร์เน็ต โดยเขาใช้เวลาว่างตอนเย็นและตอนเสาร์ อาทิตย์ในการเรียนรู้รวมถึงการฝึกหัดวิเคราะห์หุ้น ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักผ่านสื่อในฐานะเทรดเดอร์หรือนักเก็งกำไรอายุน้อยที่สุด และกลายเป็นเด็กที่หลายคนสนใจเพราะไม่ใช่แค่อายุน้อย แต่ Julian Marchese ยังมีความสามารถในการวิเคราะห์หุ้นและทิศทางตลาดไม่แพ้ผู้ใหญ่อีกด้วย
เมื่ออายุ 15 ปี เขาฝึกพัฒนาโมเดลเทรดหุ้น และเขียนโค้ดภาษาคอมพิวเตอร์ใส่มันไปในโปรแกรมเทรด จากนั้นทดสอบระบบ BackTest ย้อนหลังไป 4 ปี โดยเขาใช้เทคนิคของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และการคำนวณทางสถิติเป็นหลัก จนมั่นใจได้นำระบบเทรดไปออกรายการ Dragons' Den (รายการเกมโชว์ที่ให้ผู้ชมส่งผลงานสิ่งประดิษฐ์ โมเดลธุรกิจ เพื่อไปประกวดชิงเงินทุนในการทำธุรกิจ)
เขาเสนอโครงการร่วมลงทุนด้วยระบบเทรดที่เขาพัฒนาขึ้น โดยโชว์รายละเอียดและผลการทดสอบได้อย่างน่าสนใจต่อกรรมการทั้ง 5 ที่เป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จและกูรูธุรกิจ แม้งานนั้นเขาจะไม่ผ่านเข้ารอบ (ได้ 4 จาก 5 คะแนน) แต่คุณ Kevin O’Leary หนึ่งในกรรมการได้สนใจแนวคิดระบบเทรดของเขา ได้ตกลงจะมอบเงิน 50,000 เหรียญให้ Julian Marchese ไปลงทุนในตลาดหุ้น แต่ตอนหลังรู้สึกว่าจะติดปัญหา กฎหมายและข้อตกลงทำให้เขายังไม่ได้รับเงิน แต่เขาได้ออกมาเปิดเผยว่าโมเดลของเขาถ้าลงทุนในปี 2008 จำนวนเงิน 50,000 ถึงปี 2011 จะมีมูลค่าเพิ่ม 180,000 เหรียญ
ปัจจุบันเขาอายุ 16 ปี ยังคงเรียนและลงทุนแบบเก็งกำไรไปด้วย (พอร์ตชื่อคุณพ่อ) โดยเขาจะใช้เวลาตอนเช้าและตอนเย็นในการหาข้อมูล รวมถึงเสาร์อาทิตย์ในการเรียนรู้เพิ่มเติม แนวทางการเทรด Julian Marchese จะใช้กราฟ Timeframe แบบ Day เขาจะเน้นที่การซื้อขายเก็งกำไร โดยจะเข้าเก็งกำไรในตลาด Future ทั้งน้ำมัน, ทองคำ, forex, ETF และ Stock Index
นอกจากนี้เขายังเปิดเว็บไซต์ marchesefinancial ที่เผยแพร่บทความการวิเคราะห์สภาวะตลาด และแนวโน้มสินค้าทองคำ น้ำมันอีกด้วย และรับเชิญไปออกรายการการลงทุนต่างๆ ในประเทศแคนาดา เขาฝันว่าเมื่อโตขึ้นสักวันเขาจะตั้งกองทุน Hedge Fund เพื่อบริหารเงินลงทุน
Julian Marchese เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำในสิ่งที่รักที่อยากทำ และมีครอบครัวสนับสนุน มันทำให้มีแรงผลักดันให้เขาก้าวไปข้างหน้า ไปสู่ความสำเร็จ เขาเข้ามาสู่ตลาดหุ้นไม่ใช่เพียงแค่หวังรวย แต่เขาสนุกไปกับมัน สนุกกับการเรียนรู้ และชื่นชอบในเกม ตรงนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเองยอมรับว่ายังต้องเรียนรู้และพัฒนาอย่างมากคือเรื่องของจิตใจ โดยเฉพาะวุฒิภาวะทางอารมณ์ ที่คงต้องใช้เวลาฝึกฝน
เขาไม่มองตลาดหุ้นเป็นการพนัน เขาเรียนรู้จักที่จะใช้ระบบเทรด เรียนรู้ที่จะควบคุมความเสี่ยงและควบคุมอารมณ์ นั่นเป็นสิ่งที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่เด็กคนนี้จะแสดงให้ผู้ใหญ่ดู เขาเชื่อมั่นในวิธีการของเขา และเมื่อได้วิธีคิดที่ถูกต้อง ทำให้เขาเติบโตและก้าวเดินได้อย่างมั่นคง
ผมอยากให้เราลองสำรวจตัวเอง ลองตั้งคำถามง่ายๆ ว่า เรารักการลงทุนหรือไม่? และเรามีความสุขในการซื้อขายหุ้นหรือเปล่า? ถ้าเรารักและเรามีความสุขกับมัน จะทำให้เราอยู่ในตลาดหุ้นได้ในระยะยาว โอกาสจะประสบความสำเร็จจากการลงทุนก็จะมีสูง แม้จะยังไม่รวยมีเงินหมื่นล้านในเร็ววัน แต่เราจะสนุกและอยากที่จะเรียนรู้ พัฒนาตนเองอยู่เสมอ สุขภาพจิตก็จะดี
ถ้าเราเข้ามาตลาดหุ้นเพียงเพราะอยากรวย เมื่อขาดทุนไม่ได้ในสิ่งที่หวังก็จะทุกข์ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ถึงแม้จะโชคดี ได้กำไร เราก็จะอยากได้อีก ไม่มีวันพอ มีอัตตา มีอีโก้ที่มากมายท่วมท้นตัวเอง ถ้ารู้ว่าตัวเองยังไม่มีความสุข หรือสุขๆ ทุกข์ๆ ตามกำไรขาดทุนในพอร์ต แนะนำให้ลองหาวิธีหาแนวทางการลงทุนใหม่ จะเก็งกำไร หรือเน้นลงทุนระยะยาวกินปันผลก็ลองหาให้เหมาะให้ตรงจริต และให้เหมาะสมกับสภาพจิตใจของตัวเรา ตรงนี้ไม่มีใครมาบอกเราได้ เราต้องทดลอง ต้องค้นพบสิ่งที่เหมาะกับเราด้วยตัวเราเองครับ
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต