หากพูดถึง หนึ่ง- วิทิตนันท์ โรจนพานิชหลายคนในวงการบันเทิงน่าจะคุ้นชื่อเขาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในบทบาทผู้กำกับการแสดงอิสระ, กำกับละครเวที, ภาพยนต์ และหนังโฆษณา ทั้งใน และ ต่างประเทศ แต่เร็วๆนี้ทุกคนจะรู้จักเขาในอีกบทบาทหนึ่งที่เขาเต็มใจทำและนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง กับปฎิบัตการ “สุดฟ้า ท้าโลก” หรือ "เซเว่น ซัมมิตส์" ปฏิบัติการพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกทั้ง 7 ทวีป เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งจะเป็นการเดินทางเพื่อไปให้ถึงยอดเขาที่สูงที่สุดในแต่ละทวีป รวมทั้งสิ้น 7 ทวีป ทั่วโลก เพื่อนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และธงชาติไทย ไปชูไว้เหนือยอดเขา เพื่อเป็นตัวแทนคนไทยที่จะแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีต่อพ่อหลวงของคนไทยทั้งประเทศ และประกาศให้โลกรู้ถึงพระบารมีที่ปกแผ่ไพศาล ซึ่งปลายปีนี้ทางช่อง 3 จะมีการเก็บภาพบรรยกาศและอุปสรรค์ต่างๆที่ต้องเผชิญไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่แปรป่วน รวมถึงการต้องเผชิญกับเผ่าที่นิยมกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเองอีกด้วย
สำหรับแรงบันดาลในการพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกทั้ง 7 ทวีปนั้นมากจากอะไร
ผมตอบได้ประเด็นเดียวเลยคือ ผมรักในหลวง สิ่งที่ผมทำขึ้นมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และอยากสร้างปราฎการของความมุ่งมั่นและบากบั่นให้คนรุ่นหลังได้ดูและเป็นตัวอย่าง ถ้าถามว่าทำไมต้องเป็นโปรเจคการพิชิตยอดเขาสูงนั้น ก็เพราะว่าการปีนเขานั้นเป็นสัญญาลักษณ์ของความลำบาก ซึ่งคนทั่วโลกก็คิดแบบนั้นโดยเขาจะมีกิจกรรมต่างๆเช่นการปีนเขาสูงที่สุดในโลก การขี่จักรยานไปรอบโลก แล่นเรือใบไปรอบโลก ที่ทำแบบนี้นั้นมันยาก หากทำสำเร็จมันก็จะสร้างได้ให้เห็นถึงพลังความมุ่งมั่นและศรัทธา ซึ่งส่วนประกอบทั้งสองอย่างนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาติบ้านเมืองสังคมของโลกดีขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่ผมทำสิ่งนี้เพราะมันยากและต่างประเทศก็ยอมรับ
แสดงว่าในมุมมองของเราคิดว่าประเทศไทยขาดความศรัทธาและความมุ่งมั่น
ประเทศไทยเคยมีความศรัทธาและความมุ่งมั่นในเรื่องของคุณงามความดีมาตลอด แต่ตอนนี้ประเทศไทยเริ่มศรัทธาเรื่องอื่นแทน ซึ่งผมยังจำอยู่ทุกวันนี้คือพระบรมราโชวาท ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติ สุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากอยู่ที่การส่งเสริมให้คนดีได้ปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้"
ตอนนี้อยากจะบอกว่าประเทศไทยไม่ใช่เพียงแค่ผืนเเผ่นดินที่อาศัยอยู่และไม่ใช่เพียงแค่สัญญาลักษณ์ธงหรือสัญญาลักษณ์ใดๆที่มีอาณาเขตบ่งบอก แต่ประเทศคือคนซึ่งเป็นองค์ประกอบที่อยู่ในประเทศนั้น ถ้าสมมุติว่าคนใดคนหนึ่งในประเทศหรือคนทั้งประเทศออกมาบอกว่าเรามารวยกันเถอะ มามั่งคั่งกันเถอะ สบายกันเถอะ ไม่ต้องสนใจใคร ใครจะจนก็ปล่อยไปเพราะมันเป็นกรรมของเขา ใครจะน้ำท่วมก็ปล่อยไป เราไม่เดือดร้อนเพราะเรามีเงิน ซึ่งหากคนคิดแบบนี้กันหมด ประเทศคือคนไม่ใช่อาณาเขต ผมถามว่าประเทศนี้จะอยู่ได้หรือไม่
ผมเรียนการละครสอนการแสดงมามีบทละครที่ผมชอบนั้นก็คือ Man of La Mancha หรือ สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ ซึ่งประพันธ์โดย มีเกล เด เซร์บันเตส ซาเบดรา (Miguel de Cervantes Saavedra) ซึ่ง เซร์บันเตส บอกว่า ความบ้าที่สุดของโลกนี้คือ ความบ้าของคนที่มองโลกอย่างที่มันเป็น มากกว่าที่มันควรจะเป็น เรื่อง ดอนกิโฆเต้ (Don Quixote) เป็นเรื่องของชายชราที่ชื่อซึ่งอ่านหนังสืออัศวินมากจนฟั่้นเฟื่อน และอยากออกไปปราบเหล่าร้าย และสร้างความดี ซึ่งหนังสือเล่มนี้เขียนมาได้เสียดสีมากทำให้เราเห็นว่า การที่คนเราทำความดีกลายเป็นเรื่องของความบ้า ซึ่งสังคมตอนนี้ก็กลายเป็นแบบนั้นเป็นเรื่องของคนที่อยากจะทำความดี เป็นคนดี ก็โดนมองกลับว่าเป็นคนบ้า ซึ่งสิ่งที่ผมทำหลายคนอาจมองว่าบ้าแต่ผมก็จะทำให้ดู
"การที่ผมจะไปปีนเขา ผมขอสปอนเซอร์อยู่ 5 ปี มีคนถามว่าไปทำไมว่างมากนักหรือ บางทีผมคิดว่าการมองโลกอย่างที่มันเป็น มันเป็นเรื่องบ้านะ ตอนนี้คนไทยมองเห็นเรื่องที่ดีงามเป็นเรื่องบ้าไปหมดเเล้ว เช่นเรื่องง่ายๆอย่างเรื่องการข้ามทางม้าลายหรือสะพานลอยเนี่ย ก็ยังทำกันไม่ได้ ห้ามเลี้ยวก็เลี้ยว ห้ามแซงก็แซง จนกลายเป็นเรื่องชอบธรรมไปแล้ว"
คือจะบอกว่าสิ่งที่สังคมไทยเป็นตอนนี้คือมองเรื่องที่ไม่ถูกต้องกลายเป็นเรื่องปกติไปหมดเเล้ว
เพราะสิ่งเดียวเลย คือเห็นแก่ตัว มองแต่ตัวเอง ผมพูดตรงๆเลยหลายคนบอกว่าสังคมไทยกำลังจะล้มสลาย จริงๆไม่ใช่เลยสังคมไทยล่มสลายไปแล้วซึ่งอีก 3 ปีเราจะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน คนเวียดนาม คนพม่า คนลาว คนเขมร เขาพูดภาษาไทยได้ แต่เราพูดอะไรไม่ได้เลย ภาษาอังกฤษเราก็อ่อน เราก็คิดแต่จะแข่งกับเวียดนาม แต่เวียดนามเขาไม่เคยคิดจะแข่งกับเรา แต่เขาคิดจะแข่งกับญี่ปุ่น ผมคิดว่าเรากำลังเดินไปสู่จุดอับของโลกนะ มีคนพูดว่าจงภูมิใจในความเป็นไทย อยากจะถามว่าแล้วอะไรคือความเป็นไทย คนก็ไม่รู้อีก
คนไทยเป็นคนโลกสวยหรือไม่
ผมว่าไม่จริงนะ คนไทยก็เป็นคนที่เห็นแก่ตัว ไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมบากบั่นต่อสู้ คนไทยรักสบาย อยากได้อะไรง่าย จริงๆคนในโลกก็เป็นแบบนี้เยอะนะ ผมมองว่าคนสมัยก่อนดีกว่ามากนะยังมีน้ำใจ
แล้วเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร
ผมคิดว่าเราต้องทำอะไรให้กับประโยชน์กับชาติบ้างเมือง ให้ประโยชน์กับคนอื่นๆ มีคนเคยถามท่านพุทธทาสว่าจะมีชีวิตอยู่ให้มีความสุขอย่างไร ท่านก็บอกว่า ต้องทำประโยชน์ให้กับคนอื่น ผมก็ว่าจริงนะทำให้ตัวเองมีความสุขและต้องทำให้คนอื่นๆมีความสุขด้วย
เราได้สอดแทรกแนวคิดของเราลงไปในงานบ้างหรือไม่
ทุกอย่างเลยครับ ตอนนี้เขียนบทหนังอยู่ 2 เรื่องก็แทรกแนวคิดเรื่องของโอกาสความมุ่งมั่นลงไปในนั้นด้วย นอกจากนี้ผมก็ทำรายการยอดครูยอดคน และต้นไม้ในดวงใจ ออกอากาศทางช่อง 5 ต้องบอกว่า 2 รายการนี้สปอนเซอร์น้อย อยู่ได้ไปวันๆเหมือนจะเจ๊งวันไหนก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่ยังคงทำอยู่ทุกวันนี้คืออยากนำเสนอเรื่องความกตัญญู เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานาน
กลับมาที่ประเด็นหลักของคอลัมน์เรากันหน่อย มีวิธีการเก็บออมเงินอย่างไรบ้าง
ผมมีวิธีการเก็บออมของผมเองจะรู้จุดอ่อนของตัวเอง และใช้วิธีการเก็บออมตามหลักของพระพุทธเจ้า คือแบ่งเงินที่ได้มาออกเป็น 4 ส่วน 1.ทิ้งลงเหว คือเลี้ยงตัวเอง 2.ใช้หนี้ คือดูแลบุพการี ดูแลพ่อแม่ ครอบครัวและคนที่ดีกับเรา 3.ให้เขายืม ดูแลลูกน้องบุคคลต่างๆ 4. เอาฝังดิน นี่คือการทำบุญทำทาน
นอกจากนี้ผมจะเปิดบัญชีไว้ 2 บัญชี คือบัญชีที่มี ATM ส่วนอีกบัญชีจะเก็บตายจะไม่สนใจเลย วันดีคืนดีอาจจะเปิดดูสักหน่อยว่ามีเท่าไร บางครั้งเวลาเราเดือดร้อนบัญชีปิดตายจะช่วยเราได้ โดยส่วนตัวผมจะชอบพวกgadget สะสมของหลายอย่างเช่นกีตาร์ ซึ่งมีสะสมเป็น 20 ตัว มันก็พอมีมูลค่าในตัวของมัน เช่นซื้อในราคา 50,000 บาท แต่เวลาผ่านไปราคาอยู่ประมาณ 200,000 บาท
ขณะเดียวกันผมก็มีการลงทุนในกองทุนรวมเช่นกองทุนตราสารหนี้และซื้อประกันร่วมด้วยเพื่อใช้ลดหย่อนภาษี และตอนนี้ก็กำลังมีธุรกิจอีกอย่างหนึ่งคือ การนำเข้าวิตามิน ยี่ห้อ DRACO (ดราโก้) คาดว่าจะวางจำหน่ายช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้
"ในชีวิตของคนเรามีจุดเริ่มต้นและลงท้าย หลักๆเลยเราต้องมีชีวิตอยู่และสร้างประโยชน์ให้กับตัวเราและคนอื่น การออมที่ดีคือการมีสติกับการใช้เงิน รู้ว่าส่วนนี้ทำให้งอกเงย ส่วนนี้เอาไว้เก็บออมเงินและต้องหาความรู้เกี่ยวกับการออมการลงทุน"