บลจ.กสิกรไทยมองหนี้ยุโรปทำราคาทองคำรูดลงอีก หลังนักลงทุนกังวลปัญหาสเปนส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าดันเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า พร้อมแนะทยอยเก็บ K-GOLD เข้าพอร์ต มั่นใจระยะยาวราคาทองไปต่อ พร้อมชูกลยุทธ์เทรดทำกำไรระยะสั้น
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่สหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการ QE3 ได้ปรับตัวจากระดับสูงสุดของปีที่ 1,794 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อต้นเดือนตุลาคม ลงมาถึงจุดต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ระดับ 1,735 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อต้นสัปดาห์ และแม้ว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ 1,730-1,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นระดับที่ผู้ลงทุนสามารถทยอยเข้าลงทุนกับกองทุนเปิดเค โกลด์ (K-GOLD) เพื่อโอกาสทำกำไรจากปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในระยะยาวได้
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ราคาลงมาในช่วงนี้เกิดจากปัญหาหนี้ในยุโรปที่เริ่มเกิดความกังวลในปัญหาหนี้ของสเปนขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากตลาดคาดว่าสเปนจะต้องขอรับเงินช่วยเหลือจากทางธนาคารกลางยุโรป ในขณะที่สเปนเองออกมายืนยันว่ายังไม่มีความจำเป็น จึงทำให้เกิดความไม่แน่นอนและส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง และผลักดันดอลลาร์สหรัฐให้แข็งค่าขึ้นกดดันราคาทองคำ ประกอบกับแรงขายทำกำไรหลังจากราคาปรับขึ้นมาต่อเนื่องนับตั้งแต่ QE3 จึงทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาอยู่ในจุดที่น่าทยอยเข้าลงทุน โดย บลจ.กสิกรไทยยังคงมองว่าในระยะยาวค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากการใช้มาตรการ QE3 ของสหรัฐฯ จะยังคงเป็นปัจจัยบวกที่ส่งเสริมให้ราคาทองคำสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาทองคำในระยะสั้นอาจจะอ่อนตัวลงได้อีกระหว่างทางตามข่าวสารเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นอ่อนไหวในภูมิภาคยุโรปซึ่งยังคงมีข่าวเกี่ยวกับปัญหาหนี้ออกมาเป็นระยะๆ และจะกดดันราคาทองคำลงมา แต่เมื่อมีข่าวดีก็จะผลักดันราคาทองคำขึ้นไปอีก ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำขึ้นลงเป็นรอบๆ และเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อ-ขายทำกำไรระยะสั้น (Trading) จากการขึ้นลงของราคาทองคำได้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังคงเชื่อมั่นในราคาทองคำในระยะยาว โดยคาดว่าราคาทองคำปลายปี 2556 น่าจะปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 1,900-2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยยังคงผันผวนขึ้นลงเป็นรอบๆ ระหว่างทาง ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ผู้ลงทุนเข้าซื้อขายทำกำไรได้
นายนาวินกล่าวต่อว่า ปัจจัยบวกจากทิศทางในตลาดโลกนั้นยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้น โดยมีความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้นตามไปด้วย เห็นได้จากปริมาณทองคำที่ถือครองโดยกองทุน ETF ทองคำทั่วโลกในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 2,554 ตัน ถือเป็นสถิติสูงสุด และสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังเป็นบวกต่อราคาทองคำแม้ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาราคาทองคำจะอยู่ในระดับสูงมาก ขณะเดียวกัน ปริมาณทองคำที่เข้าซื้อเพิ่มเติมโดยธนาคารกลางทั่วโลกตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนสิงหาคม 2555 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 251.80 ตัน มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 25% แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางทั่วโลกยังเชื่อมั่นในมูลค่าของทองคำ และคาดว่าแนวโน้มในระยะยาวจะยังคงเข้าถือครองทองคำเพิ่มเติมขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำเช่นกัน
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณพร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2555 และโปรโมชันพิเศษ จาก บลจ.กสิกรไทยสามารถทยอยลงทุนในกองทุนเค โกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ (KGDRMF) ได้ โดยกองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนและนโยบายป้องกันความเสี่ยงเช่นเดียวกับกองทุน K-GOLD เพียงแต่มุ่งสะสมโอกาสรับผลตอบแทนไว้ให้ผู้ลงทุนในระยะยาวจึงไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล อย่างไรก็ตาม หากผู้ลงทุนมีโอกาสติดตามสภาวะตลาดก็สามารถเข้าซื้อในจังหวะที่ราคาทองคำปรับตัวลงเช่นนี้ แล้วเลือกสับเปลี่ยนกองทุนไปยังกองทุน RMF อื่นๆ ของ บลจ.กสิกรไทยที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าได้เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นและได้โอกาสรับผลตอบแทนที่พึงพอใจแล้ว โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนกองทุนแต่อย่างใด