xs
xsm
sm
md
lg

วรรณคาด ศก.ยุโรปจะดีขึ้น แนะจับตาเงินไหลเข้าหุ้นไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.วรรณประเมินภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปจะดีขึ้นโดยเฉพาะสเปน พร้อมมองกรอบหุ้นไทยอยู่ในกรอบ 1,300 จุด แนะจับตาเงินไหลเข้าหุ้นไทยเพิ่มหลังนักลงทุนคาดว่าตลาดเอเชียจะได้ประโยนช์จากการออกมาตรการ QE3

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยการลงทุนในสัปดาห์นี้ให้น้ำหนักเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรป โดยเฉพาะสเปน ซึ่งคณะกรรมาธิการยุโรปจะเปิดเผยมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจของสเปนในวันที่ 27 กันยายน ซึ่งนำไปสู่การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สเปน โดยตลาดมีความหวังว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปจะดีขึ้น ขณะที่ในส่วนสหรัฐฯ ยังติดตามรายงานจีดีพีไตรมาส 2 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้ายและตัวเลขในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ช่วงนี้คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยน่าจะยังคงปรับตัวขึ้นตามเงินทุนที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเอเชียที่นักลงทุนมองว่าค่าเงินและเศรษฐกิจจะได้ประโยชน์จากการออกมาตรการ QE3 ของสหรัฐฯ และมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น โดยปัจจัยที่สำคัญอื่นคือการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ และราคาน้ำมัน โดยคาดว่าการปรับตัวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์น่าจะอยู่ในลักษณะ Sideway up ในกรอบ 1,270-1,300 จุด

ทั้งนี้ สำหรับกองทุนเปิดวรรณเฟล็กซ์แอ็คทีฟ 2 (ONE-FLEXACTIVE2) ซึ่งได้ปิดการเสนอขาย IPO เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสามารถระดมทุนได้กว่า 240 ล้านบาทนั้น อย่างไรก็ตาม การปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นมาอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารกองทุน เนื่องจากกลุ่มกองทุน FLEXACTIVE ไม่ใช่กลุ่มกองทุนที่เน้นการถือหุ้นเพื่อให้กองทุนแตะระดับผลตอบแทนที่กำหนด แต่เน้นการจัดสัดส่วนหลักทรัพย์เพื่อให้กองทุนมีโอกาสมากที่สุดที่จะได้รับผลตอบแทนเป้าหมายในช่วงระยะเวลาที่ออกกองทุน

อย่างไรก็ตาม เรามองว่านักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่สามารถเป็นไปได้จริงในการลงทุนแต่ละช่วง กลยุทธ์การบริหารพอร์ตของกลุ่มกองทุน FLEXACTIVE จึงเน้นการตอบโจทย์เรื่องการจัดพอร์ตให้กองทุนมีโอกาสมากที่สุดในการสร้างผลตอบแทนที่กำหนด 5% ในช่วงที่เราลงทุนระยะ 4 เดือน ดังนั้น การจัดสัดส่วนและเลือกหุ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญของกองทุนนี้ และพิสูจน์ด้วยการปิดกองทุน ONE-FLEXACTIVE1 ที่ระดับ 5% ในระยะ 2 เดือนกว่าหลังจากตั้งกองทุน ซึ่งกองทุนแรกมีสัดส่วนการถือหุ้นเพียง 30-40% สำหรับกองทุนที่ 2 ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนในระดับสูง โดยผู้ลงทุนมีความไว้วางใจและเชื่อมั่นในกลยุทธ์การบริหารดังกล่าวมากขึ้น ทำให้กองทุนสามารถระดมทุนได้กว่า 240 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น