xs
xsm
sm
md
lg

ING มองหุ้นไทยน่าลงทุนที่สุด ชู Value Stock มาแรงให้ยิลด์ดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มนรัฐ ผดุงสิทธิ์
บลจ.ไอเอ็นจีชูหุ้น Value มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ได้โอกาสในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง เลือกหุ้น P/E Ratio และ P/BV Ratio อยู่ในระดับต่ำ มั่นใจสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี พร้อมมองตลาดหุ้นไทยยังคงน่าลงทุน แต่อาจมีความผันผวนช่วงเดือนกันยายน ส่งกองทุน “ไอเอ็นจี ไทย แวลู โฟกัส อิควิตี้ ปันผล” เปิดขายไอพีโอระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม ถึง 5 กันยายน 2555 นี้

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน ฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี ไทย (ประเทศไทย) มองว่า เศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตอย่างเปราะบาง ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ปรับลดการคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2556 ลงจากระดับ 4.1% เหลือ 3.9% โดยปัจจัยที่กดดันให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวช้าลงมาจากปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปยังไม่คลี่คลาย รวมถึงความกังวลในการขอความช่วยเหลือทางการเงินของกลุ่มประเทศ PIIGS รวมถึงปัจจัยจากการชะลอตัวของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หลายประเทศ ในกรณีสหรัฐฯ ที่มีความเสี่ยงหลักจากการปรับลดการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาใหม่จะทำการปรับขยายระดับหนี้ในระยะปานกลางเพื่อลดผลกระทบเชิงลบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และที่สำคัญการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงเหมือนเช่นที่ผ่านมาอาจทำให้มีความเสี่ยงที่ครึ่งหลังปี 2012 เศรษฐกิจจะเติบโตลดลง

ขณะที่กลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) และเอเชียยังคงได้รับความสนใจในการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและโครงสร้างทางการเงินการคลังที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ และยูโรโซน โดยคาดว่าประเทศในเอเชียไม่นับรวมญี่ปุ่น จะสามารถขยายตัวได้ประมาณ 6.7% ในปีนี้ และ 7.2% ในปีหน้า เนื่องจากยังมีช่องว่างในการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทั้งระบบการคลังและการเงิน รวมถึงประเทศเหล่านี้มียอดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดค่อนข้างสูง และยังมีเงินทุนสำรองอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่จะดึงดูดเงินทุนต่างชาติให้ไหลเข้ามาในภูมิภาคนี้

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น แม้ว่าจะเผชิญความผันผวนอยู่เป็นระยะจากปัจจัยภายนอกประเทศ แต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกจากการคาดการณ์การผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วยการเพิ่มปริมาณเงิน (QE3) ของสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้หรืออย่างช้าภายในต้นปีหน้า รวมถึงความสามารถในการทำกำไรของหลายๆ บริษัทและอุตสาหกรรมยังคงดีอยู่ โดยผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 อยู่ที่ 17.2% รองแค่ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่อยู่ 27.3% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ยอดซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติถึง 30 กรกฎาคม 2555 อยู่ที่ 62,317.63 ล้านบาท

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี ไทย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บลจ.ไอเอ็นจีเตรียมเสนอขายกองทุนใหม่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลู โฟกัส อิควิตี้ ปันผล ในระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม ถึง 5 กันยายน 2555 โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนกองทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลการดำเนินงานที่ดี มีกิจการมั่นคง มีความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และมีรายได้ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงต้องมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในกลุ่มเดียวกัน

ทั้งนี้ จุดเด่นของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลู โฟกัส อิควิตี้ ปันผลอยู่ที่การเน้นลงทุนในหุ้น Value ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ/หรือมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง โดยลักษณะสำคัญของหุ้น Value ประกอบด้วย อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่ในระดับที่สูง อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) อยู่ในระดับต่ำ และอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV Ratio) อยู่ในระดับที่ต่ำ ดังนั้น การลงทุนในหุ้น Value จึงเป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว และมีความผันผวนต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้นประเภทอื่น ซึ่งเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์การลงทุนในขณะนี้ โดยผลตอบแทนในระยะกลางถึงยาวของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจะมีอัตราการเติบโตของกำไร (EPS) ประมาณ 23% ในปี 2012 และมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2013 และ 2014 (ที่มา : Bloomberg Consensus, 30 มิถุนายน 2012) นอกจากนั้น แนวคิดในการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากผลของมาตรการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐที่เน้นการใช้จ่ายภายในประเทศ (Domestic Play) ยังเหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น