บลจ.ไทยพาณิชย์ ออก 2 กองทุนFIF "SCBGLOB"และ "SCBGSIF"ลุยตลาดตราสารหนี้คุณภาพทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก เชื่อจังหวะดีในการลงทุนเหตุสภาพคล่องสูง-ผลตอบแทนดี
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนออกกองทุนต่งประเทศใหม่
ในช่วง 2 ปีนี้อีก 7 กองทุน โดยล่าสุดบริษัทฯ เตรียมเสนอขายกองทุนต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล บอนด์(SCBGLOB) และ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล สตราทีจิกอินเวสเมนท์ (SCBGSIF) มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 23-27 กรกฎาคม 2555
สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลต่อกองทุนในขณะนี้คือการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น จากปัจจัยอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ การขาดดุลบัญชีการคลัง/บัญชีเดินสะพัด ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ GDP โลก ในปี 2555 อยู่ที่ประมาณ 2.5% ปี 2556 ประมาณ 3.0% และ 2557 ประมาณ 3.3% นอกจากนี้แนวโน้มผลประกอบการของธุรกิจขยายตัวต่อเนื่อง เป็นผลดีทำให้ส่วนต่างราคา (Credit spread) ต่ำลง รวมถึงการที่ธนาคารกลางยุโรป ECB เข้าช่วยเหลือสถาบันการเงินที่มีปัญหาในยุโรป ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยในประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง
"ภาวะตลาดตราสารหนี้ในขณะนี้ อยู่ในสถานะที่ดีอย่างมาก มีสภาพคล่องสูงและมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี และมองว่าในอีก 3-5 ปีจากนี้ไม่น่าจะเกิดภาวะฟองสบู่ เพราะเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรปมีการปรับตัว ทั้งการลดการว่างในสหรัฐฯ รวมถึง การลดการใช้จ่ายในยุโรป ดังนั้นโอกาสที่เงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 1-3 ปีนี้ มีน้อยมาก ทำให้แนวโน้อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง"นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
สำหรับกองทุน SCBGLOB มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว(Feeder Fund) คือ กองทุน Wellington Global Bond Portfolio ปัจจุบันมีขนาดกองทุนอยู่ที่ 35,000 ล้านบาท บริหารจัดการโดย Wellington Management โดยลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนทั่วโลกที่มีอับดับความน่าเชื่อถือสูง ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส แดนาดา เยอรมัน อังกฤษ ซึ่งคาดว่าทั้งปีน่าจะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 5-7%
ส่วนกองทุน SCBGSIF มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือ กองทุน PIMCO Global Investment Grade Credit จัดตั้งขึ้นในปี 2551 มีขนาดกองทุนอยู่ที่ 529,200 ล้านบาท บริหารจัดการโดย PIMCO ซึ่งเป็นผู้ลงทุนในตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยส่วนใหญ่ลงทุนอยู่ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ รองลงมาคือ ตลาดเกิดใหม่รวมญี่ปุ่น อังกฤษ และยุโรป โดยทั้งสองกองทุนมีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินบาท
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนออกกองทุนต่งประเทศใหม่
ในช่วง 2 ปีนี้อีก 7 กองทุน โดยล่าสุดบริษัทฯ เตรียมเสนอขายกองทุนต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล บอนด์(SCBGLOB) และ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล สตราทีจิกอินเวสเมนท์ (SCBGSIF) มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 23-27 กรกฎาคม 2555
สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลต่อกองทุนในขณะนี้คือการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น จากปัจจัยอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ การขาดดุลบัญชีการคลัง/บัญชีเดินสะพัด ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ GDP โลก ในปี 2555 อยู่ที่ประมาณ 2.5% ปี 2556 ประมาณ 3.0% และ 2557 ประมาณ 3.3% นอกจากนี้แนวโน้มผลประกอบการของธุรกิจขยายตัวต่อเนื่อง เป็นผลดีทำให้ส่วนต่างราคา (Credit spread) ต่ำลง รวมถึงการที่ธนาคารกลางยุโรป ECB เข้าช่วยเหลือสถาบันการเงินที่มีปัญหาในยุโรป ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยในประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง
"ภาวะตลาดตราสารหนี้ในขณะนี้ อยู่ในสถานะที่ดีอย่างมาก มีสภาพคล่องสูงและมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี และมองว่าในอีก 3-5 ปีจากนี้ไม่น่าจะเกิดภาวะฟองสบู่ เพราะเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรปมีการปรับตัว ทั้งการลดการว่างในสหรัฐฯ รวมถึง การลดการใช้จ่ายในยุโรป ดังนั้นโอกาสที่เงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 1-3 ปีนี้ มีน้อยมาก ทำให้แนวโน้อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง"นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
สำหรับกองทุน SCBGLOB มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว(Feeder Fund) คือ กองทุน Wellington Global Bond Portfolio ปัจจุบันมีขนาดกองทุนอยู่ที่ 35,000 ล้านบาท บริหารจัดการโดย Wellington Management โดยลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนทั่วโลกที่มีอับดับความน่าเชื่อถือสูง ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส แดนาดา เยอรมัน อังกฤษ ซึ่งคาดว่าทั้งปีน่าจะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 5-7%
ส่วนกองทุน SCBGSIF มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือ กองทุน PIMCO Global Investment Grade Credit จัดตั้งขึ้นในปี 2551 มีขนาดกองทุนอยู่ที่ 529,200 ล้านบาท บริหารจัดการโดย PIMCO ซึ่งเป็นผู้ลงทุนในตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยส่วนใหญ่ลงทุนอยู่ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ รองลงมาคือ ตลาดเกิดใหม่รวมญี่ปุ่น อังกฤษ และยุโรป โดยทั้งสองกองทุนมีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินบาท