นายกสมาคมประกันชีวิตตั้งเป้า 5 ปีธุรกิจประกันชีวิตโต 50% เล็งใช่กลยุทธ์เพิ่มการแข่งขันดึงความสนใจคนไทยซื้อประกันชีวิตมากขึ้น ระบุหากธุรกิจประกันชีวิตโตจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินลงทุนในการพัฒนาประเทศในอนาคตได้
นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตในอีก 5 ปีข้างหน้าไว้ที่ 50% ด้วยกกลยุทธ์การปรับตัวและเพิ่มการแข่งขันต่างๆของธุรกิจประกัน เพื่อให้ประชาชนหันมาสนใจซื้อหลักประกันให้กับชีวิตมากขึ้น
“สิ่งที่อยากเห็นมากที่สุดสำหรับธุรกิจประกัน คือการเติบโตในระดับสูง เพราะการเติบโตต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2% เท่านั้น ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำมาก หากเป็นไปได้อยากให้เติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 4% และใน 5 ปีข้างหน้าเติบโตที่ 50% จาก 30% ในปัจจุบัน การเพิ่มอัตราการเติบโตดังกล่าว นอกจากให้ประชาชนเข้าถึงการออมแบบมาความคุ้มครองแล้ว ประเทศก็จะมีเม้ดเงินไหลเข้ามาในการนำไปพัฒนาประเทศอีกด้วย ดังนั้น ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องช่วยผลักดันการเติบโตดังกล่าว”นายสุทธิ กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานธุรกิจประกันช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้รับว่าเติบโตค่อนข้างดี แม้ช่วงดังกล่าวจะมีอุปสรรคเข้ามากระทบบ้างก็ตาม แต่ช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีมองว่าอุปสรรคต่อธุรกิจประกันมีน้อยลง ส่งผลให้ธุรกิจประกันสามารถเร่งอัตราการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 15% ได้
นายสุทธิ กล่าวอีกว่า การเพิ่มอัตราเบี้ยประกันให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับสูงนั้นเชื่อว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มเม็ดเงินลงทุนให้กับภาครัฐบาล เพื่อที่จะได้นำเม็ดเงินดังกล่าวไปพัฒนาประเทศต่อไปอีกทางหนึ่ง ดังนั้น การส่งเสริมการออมด้วยผลิตภัณฑ์ประกันชิวิตนั้น ในส่วนของภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องช่วยผลักดันในการส่งเสริมการออมให้มีมากขึ้น และหากเป้าหมายที่ 50% ภายใน 5 ปีข้างเกิดได้จริงเม็ดเงินลงทุนในการพัฒนาประเทศก็มีมากขึ้นจากเดิมแน่นอน
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการประกันชีวิตกับการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศเมื่อช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา ถือว่ายังมีไม่สูงมากนัก หากแบ่งเป็นประเภทและจำนวนเงินของการลงทุนจะเห็นว่า เงินกู้ให้ยืมมีประมาณ 0.2 แสนล้านบาท เงินให้กู้ยืมโดยมีกรมธรรม์เป็นหลักประกันมีประมาณ 0.6 แสนล้านบาท ตราสารทุน 1.2 แสนล้านบาท ตราสารหนี้ประมาณ 3.3 แสนล้านบาท และพันธบัตรกับตั๋วเงินคลังประมาณ 8.7 แสนล้านบาท
ขณะที่ ความคืบหน้าในการคัดสรรผู้ที่จะมารับหน้าที่นายกสมาคมประกันชีวิตคนต่อไปนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างทำการคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว คาดว่า วันที่ 30 ก.ค.55 ก็จะได้รายชื่อผู้ที่จะเข้ารับตำแหน่งคนต่อไปอย่างเป็นทางการ ในส่วนประเด็นหลักที่นายกสมาคมคนใหม่จะต้องสานต่อ ก็จะมีเรื่องของการผลักดันให้ธุรกิจประกันเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 50% ภายใน 5 ปีข้างหน้าแต่เติบโตที่ 4%ในแต่ละปี นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการใช้ระบบ RBC ให้สอดคล้องกับกฏเกณฑ์การเก็บภาษีของธุรกิจประกันให้สอดคล้องกัน