บลจ.กสิกรไทยควักเงิน 135 ล้านบาทจ่ายปันผลกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ไลฟ์สไตล์ หน่วยละ 0.25 บาท และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา หน่วยละ 0.1650 บาท นักลงทุนเฮรับพร้อมกันในวันที่ 11 มิถุนายนนี้
นายอำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จำนวน 2 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรก (1 มกราคม-31 มีนาคม 2555) ให้แก่ผู้ลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2555 โดยกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ไลฟ์สไตล์ (MJLF) จ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา (CTARAF) ในอัตรา 0.1650 บาทต่อหน่วย รวมมูลค่าการจ่ายปันผลครั้งนี้ทั้งสิ้น 135.30 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 11 มิถุนายน 2555
นายอำพล กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงานของทั้ง 2 กองทุนยังคงสามารถให้โอกาสรับผลตอบแทนที่ประมาณ 6-10% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนระยะยาวจากทางเลือกอื่นๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือผลตอบแทนจากหุ้นปันผลในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3.15% และ 3.65% ตามลำดับ ทั้งนี้ กองทุน MJLF ซึ่งมีการลงทุนในโครงการเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน ยังคงมีอัตราการเช่าเต็มทั้งโครงการ ทำให้สามารถจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ
ขณะที่กองทุน CTARAF ซึ่งลงทุนในโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท สมุย จ.สุราษฎร์ธานีนั้นยังคงต้องจับตาบรรยากาศการท่องเที่ยวในเกาะสมุยซึ่งมีนักท่องเที่ยวยุโรปเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนกันยายน ซึ่งการประกันรายได้จากค่าเช่าของกองทุนดังกล่าวจะหมดลง ทำให้รายได้ของกองทุนต้องพึ่งพาอัตราการเข้าพักเป็นหลัก ซึ่งหากปัจจัยสำคัญอย่างวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปคลายความตึงเครียดลงและบรรยากาศการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นไปด้วยดี ก็ย่อมส่งผลดีต่ออัตราการเข้าพักของโรงแรมต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 1 และไตรมาส 3 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของเกาะสมุย
อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยมองว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว และเป็นโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยทรงตัวและตลาดหุ้นผันผวนเช่นปัจจุบัน โดยผู้ลงทุนควรพิจารณาระยะเวลาในการลงทุน อัตราผลตอบแทน และความสามารถในการสร้างรายได้ของอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนเลือกลงทุนเป็นสำคัญ
