คอลัมน์ ...Wealth Panorama by KKFund
โดย...อภิรติ ชัยรัตน์
ช่วงนี้กลับมาเข้าบรรยากาศเปิดเทอม เริ่มปีการศึกษาใหม่ คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเริ่มเตรียมตัวซื้อเสื้อผ้าเครื่องแบบและอุปกรณ์การศึกษาให้คุณลูกกันแล้ว แต่ยังมีคุณพ่อคุณแม่อีกหลายท่านที่ยังกังวลใจ เพราะโรงเรียนหลายแห่งเพิ่งรับสมัครและจัดสอบเข้าชั้นประถมศึกษาและชั้นมัธยมศึกษา ซึ่งเลื่อนกำหนดการรับสมัครและประกาศผลสอบมาจากเดือนเมษายน เพราะเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ยังไม่รู้ว่าลูก ๆ จะได้เรียนต่อที่ไหน
ปัจจุบัน การศึกษาของประเทศเราพัฒนารุดหน้าไปมาก มีโรงเรียนนานาชาติเปิดสอนหลายแห่ง สอนภาษาอังกฤษเป็นหลัก ให้เด็ก ๆ ได้เรียนหลักสูตรจากต่างประเทศและสามารถไปเรียนต่อต่างประเทศได้เมื่อจบเกรดที่กำหนดหรือเมื่อคุณพ่อคุณแม่พร้อมส่งไป โรงเรียนอีกหลายแห่งเริ่มสอน 3 ภาษา มีทั้งอังกฤษ ไทย จีน ให้เด็ก ๆ ได้ฟังภาษาต่างประเทศจนคุ้นหู พูดได้คล่อง
แต่ค่าเล่าเรียนของโรงเรียนเหล่านี้ก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายท่านคิดทบทวนอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน แต่การศึกษาเป็นเรื่องต่อเนื่องยาวนานอย่างน้อย 22 ปี ตั้งแต่อนุบาลจนจบปริญญาตรี แล้วยังมีค่าเรียนพิเศษและค่ากิจกรรมในแต่ละปี เราจึงควรรอบคอบและกันเงินส่วนนี้ไว้เลยตั้งแต่ต้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลูกต้องเรียนจนจบ เรามาลองคำนวณกันคร่าว ๆ ดีกว่าว่าเราต้องเตรียมตัวกันอย่างไรดี
ค่าเล่าเรียนของโรงเรียนนานาชาติแบ่งตามเกรดตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงเกรด 12 ประมาณ 100,000 -600,000 บาทต่อปี รวมค่าเรียนพิเศษและกิจกรรมต่าง ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่จะจัดให้อีกประมาณ 100,000 บาทท ต่อปี รวมเป็น 200,000 -700,000 บาทต่อปี และโดยทั่วไปค่าเทอมจะปรับขึ้นประมาณ 3% ทุก ๆ 3 ปี อย่างไรก็ดี การลงทุนที่ดีที่สุดคือลงทุนเพื่อการศึกษาของลูก คุณพ่อคุณแม่มาจัดสรรเงินเพื่อให้ลูกของเรามีเงินเรียนจนจบเกรด 12 กันดีกว่า
โดยที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่ต้องกังวลใจอีก เราสามารถเลือกได้เป็น 2 วิธีคือ วิธีแรกลงทุนครั้งเดียวตั้งแต่ลูกเกิด แล้วปล่อยให้เงินสร้างผลตอบแทนขยายดอกออกผลแล้วค่อยทยอยถอนมาใช้เป็นค่าเทอม ปีละ 2 ครั้ง เรียนพิเศษอีกไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ในตอนที่อายุยังน้อย ยังไม่ต้องเรียนพิเศษเยอะ ก็สามารถสะสมไปไว้ใช้ในปีต่อไป สูตรของวิธีนี้ คือ เงินที่ต้องลงทุน = เงินที่ต้องใช้ในอนาคตในแต่ละปี / (1+ดอกเบี้ยรายปี) ยกกำลังเวลาที่ลงทุน ซึ่งจากตัวอย่างที่เราต้องการใช้เงินปีละประมาณ 200,000 บาทในช่วงแรก และเพิ่มสูงขึ้นทุกปีถึง 700,000 บาทในช่วงเกรด 9-12 คุณพ่อคุณแม่ควรมีเงินลงทุนประมาณ 1,700,000 - 2,000,000 บาทและควรสร้างผลตอบแทนให้ได้อย่างน้อยปีละ 7 %
วิธีที่ 2 คือทยอยลงทุนทุก ๆ ปี โดยมีเงินเริ่มต้น 200,000 บาท และลงทุนต่อเนื่องทุก ๆ ปี ปีละประมาณ 150,000 - 170,000 บาท และควรสร้างผลตอบแทนให้ได้อย่างน้อย 7% ต่อปี คุณพ่อคุณแม่ก็จะบรรลุวัตถุประสงค์เช่นกัน ส่วนการเรียนปริญญาตรี ขอให้คุณพ่อคุณแม่จัดสรรเงินอีกก้อนหนึ่งแล้วลงทุนยาว 18 ปี เมื่อลูกเรียนจบเกรด 12 ก็สามารถนำเงินนี้ไปใช้เรียนต่อได้เลย
ค่าการศึกษาสำหรับปริญญาตรีภาคภาษาอังกฤษในประเทศอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาทต่อปี หากเป็นต่างประเทศประมาณ 600,000 บาทต่อปีแล้วแต่ประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน ในช่วงนั้น ๆ ดังนั้น เงินลงทุนควรจะประมาณ 200,000 - 500,000 บาท และลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 7-10 % ต่อปี
ตัวอย่างการศึกษาของลูก ๆ สำหรับโรงเรียนนานาชาติเป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านที่กำลังวางแผนอนาคตของลูก ซึ่งสามารถปรับใช้กับการวางแผนการศึกษาสำหรับโรงเรียนหลักสูตรอื่น ๆ ซึ่งจำนวนเงินค่าเทอมอาจไม่สูงเท่า แต่จะมีค่าเรียนพิเศษ ค่ากิจกรรม และค่าสนับสนุนการศึกษาอื่น ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมไว้ เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้อย่างเต็มที่และเป็นข้อมูลเปรียบเทียบส่วนหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ได้พิจารณาตั้งแต่ต้นว่าควรให้ลูกเรียนหลักสูตรแบบใด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกและเพื่อความสุขของพ่อแม่ค่ะ
โดย...อภิรติ ชัยรัตน์
ช่วงนี้กลับมาเข้าบรรยากาศเปิดเทอม เริ่มปีการศึกษาใหม่ คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเริ่มเตรียมตัวซื้อเสื้อผ้าเครื่องแบบและอุปกรณ์การศึกษาให้คุณลูกกันแล้ว แต่ยังมีคุณพ่อคุณแม่อีกหลายท่านที่ยังกังวลใจ เพราะโรงเรียนหลายแห่งเพิ่งรับสมัครและจัดสอบเข้าชั้นประถมศึกษาและชั้นมัธยมศึกษา ซึ่งเลื่อนกำหนดการรับสมัครและประกาศผลสอบมาจากเดือนเมษายน เพราะเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ยังไม่รู้ว่าลูก ๆ จะได้เรียนต่อที่ไหน
ปัจจุบัน การศึกษาของประเทศเราพัฒนารุดหน้าไปมาก มีโรงเรียนนานาชาติเปิดสอนหลายแห่ง สอนภาษาอังกฤษเป็นหลัก ให้เด็ก ๆ ได้เรียนหลักสูตรจากต่างประเทศและสามารถไปเรียนต่อต่างประเทศได้เมื่อจบเกรดที่กำหนดหรือเมื่อคุณพ่อคุณแม่พร้อมส่งไป โรงเรียนอีกหลายแห่งเริ่มสอน 3 ภาษา มีทั้งอังกฤษ ไทย จีน ให้เด็ก ๆ ได้ฟังภาษาต่างประเทศจนคุ้นหู พูดได้คล่อง
แต่ค่าเล่าเรียนของโรงเรียนเหล่านี้ก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายท่านคิดทบทวนอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน แต่การศึกษาเป็นเรื่องต่อเนื่องยาวนานอย่างน้อย 22 ปี ตั้งแต่อนุบาลจนจบปริญญาตรี แล้วยังมีค่าเรียนพิเศษและค่ากิจกรรมในแต่ละปี เราจึงควรรอบคอบและกันเงินส่วนนี้ไว้เลยตั้งแต่ต้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลูกต้องเรียนจนจบ เรามาลองคำนวณกันคร่าว ๆ ดีกว่าว่าเราต้องเตรียมตัวกันอย่างไรดี
ค่าเล่าเรียนของโรงเรียนนานาชาติแบ่งตามเกรดตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงเกรด 12 ประมาณ 100,000 -600,000 บาทต่อปี รวมค่าเรียนพิเศษและกิจกรรมต่าง ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่จะจัดให้อีกประมาณ 100,000 บาทท ต่อปี รวมเป็น 200,000 -700,000 บาทต่อปี และโดยทั่วไปค่าเทอมจะปรับขึ้นประมาณ 3% ทุก ๆ 3 ปี อย่างไรก็ดี การลงทุนที่ดีที่สุดคือลงทุนเพื่อการศึกษาของลูก คุณพ่อคุณแม่มาจัดสรรเงินเพื่อให้ลูกของเรามีเงินเรียนจนจบเกรด 12 กันดีกว่า
โดยที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่ต้องกังวลใจอีก เราสามารถเลือกได้เป็น 2 วิธีคือ วิธีแรกลงทุนครั้งเดียวตั้งแต่ลูกเกิด แล้วปล่อยให้เงินสร้างผลตอบแทนขยายดอกออกผลแล้วค่อยทยอยถอนมาใช้เป็นค่าเทอม ปีละ 2 ครั้ง เรียนพิเศษอีกไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ในตอนที่อายุยังน้อย ยังไม่ต้องเรียนพิเศษเยอะ ก็สามารถสะสมไปไว้ใช้ในปีต่อไป สูตรของวิธีนี้ คือ เงินที่ต้องลงทุน = เงินที่ต้องใช้ในอนาคตในแต่ละปี / (1+ดอกเบี้ยรายปี) ยกกำลังเวลาที่ลงทุน ซึ่งจากตัวอย่างที่เราต้องการใช้เงินปีละประมาณ 200,000 บาทในช่วงแรก และเพิ่มสูงขึ้นทุกปีถึง 700,000 บาทในช่วงเกรด 9-12 คุณพ่อคุณแม่ควรมีเงินลงทุนประมาณ 1,700,000 - 2,000,000 บาทและควรสร้างผลตอบแทนให้ได้อย่างน้อยปีละ 7 %
วิธีที่ 2 คือทยอยลงทุนทุก ๆ ปี โดยมีเงินเริ่มต้น 200,000 บาท และลงทุนต่อเนื่องทุก ๆ ปี ปีละประมาณ 150,000 - 170,000 บาท และควรสร้างผลตอบแทนให้ได้อย่างน้อย 7% ต่อปี คุณพ่อคุณแม่ก็จะบรรลุวัตถุประสงค์เช่นกัน ส่วนการเรียนปริญญาตรี ขอให้คุณพ่อคุณแม่จัดสรรเงินอีกก้อนหนึ่งแล้วลงทุนยาว 18 ปี เมื่อลูกเรียนจบเกรด 12 ก็สามารถนำเงินนี้ไปใช้เรียนต่อได้เลย
ค่าการศึกษาสำหรับปริญญาตรีภาคภาษาอังกฤษในประเทศอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาทต่อปี หากเป็นต่างประเทศประมาณ 600,000 บาทต่อปีแล้วแต่ประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน ในช่วงนั้น ๆ ดังนั้น เงินลงทุนควรจะประมาณ 200,000 - 500,000 บาท และลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 7-10 % ต่อปี
ตัวอย่างการศึกษาของลูก ๆ สำหรับโรงเรียนนานาชาติเป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านที่กำลังวางแผนอนาคตของลูก ซึ่งสามารถปรับใช้กับการวางแผนการศึกษาสำหรับโรงเรียนหลักสูตรอื่น ๆ ซึ่งจำนวนเงินค่าเทอมอาจไม่สูงเท่า แต่จะมีค่าเรียนพิเศษ ค่ากิจกรรม และค่าสนับสนุนการศึกษาอื่น ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมไว้ เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้อย่างเต็มที่และเป็นข้อมูลเปรียบเทียบส่วนหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ได้พิจารณาตั้งแต่ต้นว่าควรให้ลูกเรียนหลักสูตรแบบใด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกและเพื่อความสุขของพ่อแม่ค่ะ