"ครอบครัวของผมสอนเสมอว่า มีน้อยก็ต้องใช้น้อย มีมากก็ยิ่งต้องใช้น้อย เพื่อที่ว่าโตขึ้นมาจะได้มีเงินเก็บมีเงินออม ลดภาวะความเสี่ยงด้วย ทุกวันนี้คุณพ่อจะดูแลการจัดการด้านลงทุนและเก็บออมให้ โดยจะแบ่งมาลงทุนในกองทุนรวมที่สามารถลดหย่อนทางภาษีได้ และพันธบัตรรัฐบาลด้วย เพราะมองดูแล้วมีความเสี่ยงที่ไม่มากสามารถลงทุนได้"
การสร้างนิสัยการออม เป็นเรื่องที่ทุกคนคงจะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ จากทั้งคุณพ่อคุณแม่ ที่ท่านจะสอนเสมอว่าให้เหลือเงินมาหยอดกระปุกนะลูก และเราก็มักจะตื่นเต้นทุกครั้งที่พอกระปุกออมสินเต็ม ก็จะนำเงินนั้นไปเปิดสมุดฝากธนาคาร ซึ่งกว่าจะได้เงินออมนั้นจะต้องใช้เวลา รวมถึงต้องใช้ความอดทนค่อนข้างมาก แต่ความหวังที่จะเห็นเงินฝากในบัญชีที่มากมายนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้ หากตอนนี้เราทำงานแล้ว ก็ควรเริ่มต้นเก็บ 10% ของเงินเดือนไว้เป็นเงินออม ถ้าจะให้ดีควรฝากเป็นบัญชีเงินฝากประจำ แม้ว่าดอกเบี้ยที่จะได้รับไม่เยอะ แต่ก็ช่วยสร้างนิสัยการออมได้อย่างหนึ่ง...
สำหรับ "คอลัมน์เจาะพอร์ตคนดัง" ฉบับนี้ทีมงาน "ผู้จัดการกองทุนรวม" ขอนำเสนอวิธีการออมเงินของหนุ่มมาดเซอร์ "เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ" ซึ่งหนุ่มคนนี้มีการบริหารเงินออมที่เป็นระบบและมีแบบแผน สมกับที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงกันเลยทีเดียว
"เป้" เริ่มบอกว่า ภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ดูเหมือนว่าอะไรหลายอย่างจะปรับขึ้นราคาเพิ่มขึ้น แต่รายได้หรือค่าครองชีพยังคงเท่าเดิม ดังนั้นการใช้จ่ายอะไรก็ตามต้องมีความระมัดระวัง ขณะเดียวกันการลงทุนก็ต้องมีการพิจารณากันอย่างรอบครอบ ข้าวของที่แพงขึ้นกับรายได้ที่ยังคงเท่าเดิมเราต้องคิดให้ดี ๆ ก่อนตัดสินใจลงไป
ส่วนรายได้ที่เข้ามาในปัจจุบัน ส่วนใหญ่แล้ว "เป้" จะให้คุณพ่อเป็นคนดูแลให้ทั้งหมด เพราะทำงานแถบจะทุกวันไม่มีเวลามานั่งดูหรือจัดสรรว่าจะนำไปลงทุนอะไร ดังนั้นคุณพ่อจะเป็นคนจัดการให้ทั้งสิ้นว่าจะเก็บออมอย่างไร ลงทุนอย่างไร และเราก็เชื่อมั่นในตัวคุณพ่อด้วยว่าจะสามารถจัดการเงินของเราให้ไปในทิศทางที่ดี
"ครอบครัวของผมสอนเสมอว่า มีน้อยก็ต้องใช้น้อย มีมากก็ยิ่งต้องใช้น้อย เพื่อที่ว่าโตขึ้นมาจะได้มีเงินเก็บมีเงินออม ลดภาวะความเสี่ยงด้วย ทุกวันนี้คุณพ่อจะดูแลการจัดการด้านลงทุนและเก็บออมให้ โดยจะแบ่งมาลงทุนในกองทุนรวมที่สามารถลดหย่อนทางภาษีได้ และพันธบัตรรัฐบาล เพราะมองดูแล้วมีความเสี่ยงที่ไม่มากสามารถลงทุนได้" เป้ บอก
กับการทำงานครั้งแรกที่สามารถหาเงินให้ตัวเองได้ "เป้" บอกว่า เริ่มต้นตอนอายุ 17 ปี ด้วยการเดินแบบ ได้ค่าจ้างมาประมาณ 2,000 บาท ดีใจมาก เพราะเป็นเงินก้อนแรกของเรา ก็ไม่ได้นำไปทำอะไรเก็บอย่างเดียว เก็บไว้ในธนาคาร หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นมือกีตาร์ วงสเลอ และได้เข้าวงการบันเทิงอย่างเต็มด้วยด้วยงานแสดงภาพยนตร์บ้าง ละครบ้าง
ในอนาคต "เป้" ฝันว่าอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวกับปีนหน้าผาจำลอง เป็นฟิตเนสเซ็นเตอร์ด้วย เพราะโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบปีนหน้าผา และคิดว่ามันเป็นกิจกรรมและการออกกำลังกายที่ดี ได้ทั้งความท้าทายและได้เหงื่อ ความสนุกก็มีมากด้วย
สำหรับผลงานปัจจุบัน "เป้" บอกว่า มีงานเพลงเป็นซิงเกิลที่ออกมาชื่อเพลงว่า "ชิซูกะ"เป็นอัลบั้มชุดที่ 2 ที่มาออกมาทำเดี่ยว ส่วนงานภาพยนตร์กำลังจะมีเรื่อง "เขาเรียกผมว่าความรัก" และช่วงปลาย ๆ ปีน่าจะมีออกมาอีก 1 - 2 เรื่องให้ได้ติดตามกัน รวมถึงละครด้วยที่จะมีในช่วงปลายปีนี้ แต่ยังไม่สามารถบอกถึงชื่อเรื่องได้ต้องคอยติดตามดูกันต่อไป
"คติที่ใช้ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ผมมักจะยึดว่า ทำตรงนี้ให้ดีที่สุด เพราะว่าเมื่อเราได้ทำงานใดงานหนึ่งเราต้องตั้งใจกับมันให้เต็มที่ เตรียมความพร้อมให้เต็มที่และงานก็จะออกมาดี รวมถึงผู้ใหญ่เองก็จะให้ความไว้วางใจและให้ทำงานในชิ้นต่อไปด้วย
ในส่วนของวันว่างจากการทำงาน "เป้" มักจะชอบไปปีนหน้าผากับเพื่อนที่เป็นแก๊งเดียวกัน ส่วนใหญ่แล้วจะไปที่จังหวัดกระบี่ หรือเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชื่นชอบมาก ทุกครั้งที่ว่างก็จะไปหากิจกรรมชนิดนี้ร่วมกันทำกับเพื่อน ๆ มันเป็นอะไรที่ท้าทาย และก็สนุก ได้ทำสิ่งที่มันโลดโผน มันก็เป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่ง
สุดท้าย "เป้" ฝากบอกว่า เศรษฐกิจมีความผันผวนอยู่เสมอ ดังนั้นเราควรใช้จ่ายให้เท่ากับตอนที่เราไม่มี เราก็จะมีเงินเก็บและไม่ประสบกับปัญหา ต้องใช้ชีวิตให้อยู่บนความไม่เป็นหนี้ แต่เชื่อว่ามันเป็นไปได้น้อยมาก เพราะว่าราคาสินค้าที่เพิ่มแพงมากขึ้น บวกกับรายได้ของคนทำงานที่ยังเท่าเดิมหรือน้อยกว่ารายจ่ายมันก็ต้องมีการจับจ่าย แต่ก็ต้องเลือกใช้จ่ายอย่างระมัดระวังและรอบครอบมากที่สุด เพื่อเป็นการใช้ชีวิตที่ถูกต้องแบบไม่ประมาท
ชื่อ - นามสกุล อารักษ์ อมรศุภศิริ (เป้)
วันเดือนปีเกิด 2 กันยายน 2527
การศึกษา ปริญญาตรีจากวิทยาลัยนานาชาติ สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงานปัจจุบัน อัลบั้มชุดที่ 2 ซิงเกิลเพลง "ชิซูกะ"
ภาพยนตร์เรื่อง "เขาเรียกผมว่าความรัก"
