หลายคนต้องยอมรับว่าผู้หญิงสมัยนี้ทำงานเก่งกว่าผู้ชายซะอีก เช่นเดียวกัน“วรรณี ควรสถาพร หรือคุณจุง” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร มาเก็ตติ้ง จำกัด หรือที่ใครๆ รู้จักกันในนามของยาจุดกันยุง “คายาริ” ซึ่งเธอเป็นคนคิดค้นนวัตกรรมที่ผลิตจากธรรมชาติเพื่อให้มีสารเคมีน้อยที่สุดเป็นรายแรกๆ ของไทย และมาในวันนี้นอกจากเราจะดูการบริหารงานของเธอกันแล้ว ทีม “ผู้จัดการกองทุนรวม” ยังนำเกร็ดเคล็ดลับการบริหารเงินมาฝากกันด้วย...
คุณจุงเริ่มบอกว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในแต่ละวันต้องยอมรับว่ามีทั้งดีและไม่ดี ดังนั้น ถ้าจะลงทุนทำอะไรต้องศึกษาอย่างรอบคอบ ขณะเดียวกัน ถ้ามองการลงทุนไปยังต่างประเทศอย่างประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เช่น ลาว กัมพูชา และพม่า มีความน่าสนใจมาก แต่อย่างที่บอกไว้เราต้องทำการศึกษาแต่ละประเทศอย่างรอบคอบว่าเขามีการใช้ชีวิต มีวัฒนธรรมอย่างไร ซึ่งบริษัทของเราเองก็กำลังจะไปบุกตลาดยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย แต่ยังคงต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ก่อนที่จะเข้าไปลงทุน
“งานปัจจุบันตอนนี้ที่รับผิดชอบ จะดูแลในเรื่องการเงิน การจัดซื้อเป็นหลัก และงานสื่อสารการตลาดต่างๆ ก็ทำด้วย เพราะเราเป็นคนชอบคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันกับเพื่อนร่วมงานทำให้ได้แง่คิดใหม่ และมองว่าการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันที่จะผลักดันให้สินค้าเติบโตไปข้างหน้าได้”
คุณจุงบอกต่อว่า ในอนาคตมีแผนการดำเนินงานที่จะสร้างแบรนด์ และพัฒนานวัตกรรมยาจุดกันยุงให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น จากแต่ก่อนเราจะเห็นยาจุดกันยุงมีแต่สีเขียว เราก็ได้พัฒนามาในรูปแบบให้มีสีสันน่าใช้มากยิ่งขึ้น
โดยจะมีหลักและแนวคิดในการทำงานคือ “ต้องรู้เขา รู้เรา เข้าใจตัวเรา และเข้าใจตัวเขาด้วย เช่น ถ้าเราเข้าใจลูกน้องโดยเอาใจเขามาใส่ใจเรามันก็จะทำงานกันได้ง่ายขึ้นกับทั้ง 2 ฝ่าย เราต้องให้ความสำคัญมากพอๆ กับการบริหารงาน และการสื่อสาร มันจะไปพร้อมๆ กัน และงานก็จะสามารถเดินไปข้างหน้าได้”
และจากการทำงานที่ต้องดูแลด้านการเงินมาโดยตลอด คุณจุงจะมีวิธีการบริหารเงินอย่างเป็นระบบในส่วนของบริษัท ขณะที่รายได้ส่วนตัวจะแบ่งออกเป็น 4-5 ส่วน ส่วนแรกจะแบ่งออกมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และอีกส่วนก็จะแบ่งออกมาเป็นเงินออมในรูปแบบของการลงทุนระยะยาวไว้ใช้ในยามเกษียณอายุ ขณะเดียวกันก็แบ่งเงินมาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และแบ่งเงินบางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้นด้วย แต่ลงทุนในหุ้นจะลงทุนเป็น 2 อย่าง มองในการลงทุนแบบระยะยาว 80% และอีก 20% เป็นแบบซื้อมาขายไป
“คนเราถ้ารู้จักเก็บออมจะเป็นการดีที่สุด เพราะมันจะเป็นหลักทรัพย์ให้กับเราได้ในอนาคต มีเงินมันก็จะทำให้เราปลอดภัยที่สุด มันก็สามารถนำมาใช้จ่ายได้ในยามฉุกเฉินและจำเป็น”
ขณะเดียวกัน คุณจุงได้ให้ความสำคัญของการออมเงินเป็นอย่างมาก จึงพยายามปลูกฝังลูกๆ ให้รู้จักรักการออมตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งจะบอกกับลูกๆ เสมอว่า เงินที่ให้ไปไม่ได้ให้เฉยๆ ต้องให้รู้จักคุณค่า โดยจะให้ลูกบริหารเงินเองในแต่ละเดือน เหลือเท่าไหร่ และเราที่เป็นแม่ก็จะให้เขาเพิ่มไปเท่ากับที่เหลือ ซึ่งมันก็ได้ผล มันเป็นเหมือนการให้รางวัลเขาที่เขารู้จักใช้จ่ายและเหลือเก็บออมไว้ตอนสิ้นเดือน
ส่วนวันว่างจากการทำงาน คุณจุงมักจะชอบนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม โดยได้ศึกษาเรื่องของธรรมะเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว นอกจากนี้ยังชอบไปอบรมวิปัสสนายังสถานที่ต่างๆ ด้วย ขณะเดียวกันถ้าอยู่บ้านก็จะชอบทำอาหารรับประทานกันในครอบครัว เหมือนเป็นการสร้างกิจกรรมร่วมกัน
สุดท้ายคุณจุงฝากบอกว่า ในช่วงสภาวะข้าวของแพงเป็นเงาตามตัวแบบนี้ เราต้องใช้จ่ายอย่างมีสติ ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ชีวิตต้องใช้อย่างพอเพียงตามแนวพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งใช้ได้จริง เพราะถ้ามีรายได้เข้ามาเมื่อไหร่เราควรแบ่งเก็บออมไว้ประมาณ 20-30% เก็บตามกำลังที่เรามีอยู่ เพราะเชื่อว่าแต่ละคนรายได้ไม่เท่ากัน ถ้าเป็นคนที่มีรายได้น้อยเราควรจะแบ่งเงินมาลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรืออาร์เอ็มเอฟ และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือแอลทีเอฟ เพราะจะทำให้เรามีเงินออมที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คนมีรายได้สูงขึ้นมาหน่อยก็น่าจะเข้าไปสร้างผลตอบแทนได้ในตลาดหุ้น ทองคำ หรือกองทุนรวมในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น
////////////////////////
ชื่อ - นามสกุลวรรณี ควรสถาพร (คุณจุง)
วันเดือนปีเกิด7 กันยายน -
การศึกษาปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัชสัมชัญ (ABAC)
งานปัจจุบันรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร มาเก็ตติ้ง จำกัด