บลจ.ไอเอ็นจี เผยผลการดำเนินงานกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทียูโดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ งวด 1 ปีมีกำไร 151.42ล้านบาท หลังไอเอ็นจีจ่ายชดเชยค่าบริหารจัดการกองทุนและชดเชยเงินเดือนบุคลากรประจำโครงการ
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงการดำเนินงานของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ (TU-PF) ประจำงวด 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554ว่า กองทุนมีมียอดกำไรสุทธิ 151.42 ล้านบาทเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งมียอดขาดทุนสุทธิ 6.86 ล้านบาท ทั้งนี้กองทุนมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 64.37 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 169.89 ล้านบาทในปี 2554 คิดเป็นร้อยละ163.92 ซึ่งเป็นผลมาจากกองทุนได้รับเงินชดเชยความเสียหายในการบริหารจัดการกองทุนรวมจำนวน 100 ล้านบาทจากบริษัทจัดการ
ขณะเดียวกันกองทุนมีค่าใช้จ่ายรวมลดลงจาก 43.70 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 40.47ล้านบาทในปี 2554 คิดเป็นร้อยละ 7.39 ซึ่งเป็นผลมาจากกองทุนได้รับเงินชดเชยค่าใช้จ่ายเงินเดือนบุคลากรประจำโครงการ (On-site Staff)และค่าใช้จ่ายสำนักงานโครงการ (Site Office) ที่ได้เคยจ่ายออกไปตั้งแต่ปี 2551ถึงเดือนเมษายน ปี 2554จากบริษัทจัดการ จำนวน 6.4 ล้านบาท ซึ่งกองทุนได้บันทึกปรับปรุงบัญชีค่าใช้จ่ายในปีก่อนๆเป็นมีผลให้กำไรสุทธิจากการดำเนินการเพิ่มขึ้นจาก 20.67 ล้านบาท ในปี 2553 เป็น 129.42 ล้านบาท ในปี2554
นอกจากนี้กองทุนมีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้ทำการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยผู้ประเมินราคาใช้วิธีพิจารณาจากรายได้ (Income Approach)และมีการปรับมูลค่าของเงินลงทุนดังกล่าวให้เป็นไปตามมูลค่ายุติธรรม และรับรู้กำไร (ขาดทุน)สุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้น ดังนี้
ในปี 2553 กองทุนมีการปรับมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 970.00 ล้านบาทเป็น 942.70 ล้านบาทลดลงเป็นจำนวน 27.30 ล้านบาทและกองทุนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นเป็นจำนวน 0.24 ล้านบาทจึงรับรู้ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 27.54 ล้านบาท
ขณะที่ปี 2554 กองทุนมีการปรับมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 942.70 ล้านบาทเป็น 965.00 ล้านบาทเพิ่มขึ้นป็นจำนวน 22.30 ล้านบาทแต่กองทุนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นเป็นจำนวน 0.30 ล้านบาทจึงรับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 22.00 ล้านบาท