xs
xsm
sm
md
lg

ร่วมกันทำ “วันครอบครัว” ให้มีความหมายต่อครอบครัวและต่อแผ่นดิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์รวยด้วยรัก รวยด้วยหุ้น
โดยโดยมนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)

ผมได้เขียนบท “รักครอบครัว” ไว้ในหนังสือ “รวยด้วยรัก” (วางจำหน่ายที่ร้านซีเอ็ดโดยทั่วไป) ดังนี้

9.2) รักครอบครัว

“ผมหารือพี่หน่อยสิครับ...ภรรยาผม หนีไปแล้วครับ...พี่”

“เฮ้อ...เพื่อน อย่าคิดมาก...จริงๆแล้ว เราแยกกันนอนมาหลายปีแล้ว”

“แฟนหนูไม่กลับบ้านมาเป็นหลายวันแล้ว ต้องติดผู้หญิงแน่เลย...อย่าให้รู้นะว่าใคร”

“เซ็ง เซ็งจริงๆ งานก็หนักมากอยู่แล้ว เธอไม่เข้าใจหรือไง ? ยังจะหาเรื่องอีก”

“ภรรยาผมบรรลุแล้วพี่ เธอต้องการรักษาชีวิตบริสุทธิ์ เราแยกบ้านกันแล้ว”

“วัยรุ่นนี่ มันเลี้ยงดูยากมากเลยนะ พูดอะไรก็ไม่รู้จักฟัง”

“มีเงินตั้งเยอะแยะมากมาย แต่ไม่มีใครอยู่เคียงข้างเล้ยยย...ทำไมทุกคนหนีไปหมด”

“ไม่รู้จะต้องทนทำงานอีกเท่าไร ทำไปก็เท่านั้น คนรักกันก็หายไปหมด”

ไม่ว่าจะเป็นละครน้ำเน่า หรือหลายครั้ง ก็เป็นเรื่องจริงในชีวิต และชีวิตที่ขาดความรัก มักจะถึงจุดแห่งความห่อเหี่ยวและหดหู่ในวันหนึ่ง ชีวิตก็จะเริ่มจืดชืด ไร้ความหมาย ไร้ความสุข ไร้คุณค่าและอาจจะทำให้เรายิ่งทิ้งห่างจากคนอื่นๆ และแสวงหาความสุขและความหมายในชีวิตไม่ได้

จอห์น แม็กซ์เวล เคยตั้งข้อสังเกตว่า

...วันดีๆของชีวิต เป็นวันที่มีความสัมพันธ์ที่ดี

...วันไม่ดีของชีวิต เป็นวันที่ความสัมพันธ์ไม่ดี

คนหลายคน เห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน ละเลยความรัก มองคนอื่นในแง่ลบ แล้วก็จบท้ายด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ดี

อาจเป็นเพราะ ความเชื่อว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” เมื่อมีปัญหา กลับละทิ้ง “ความรัก” และความสัมพันธ์จึงแย่ลง

อาจเป็นเพราะ ความเชื่อว่า “เมื่อมีรัก...ก็มีเสื่อมรัก” จึงเตรียมใจที่จะลดความรัก แล้วความรักก็จะเสื่อมไปดังที่เชื่อ

อาจเป็นเพราะ เราเชื่อในตัวเราคนเดียว เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง หากมีปัญหากัน คนอื่นผิดเสมอ เราถูกตลอด เราก็มักจะหยิ่ง และเห็นคนอื่นในแง่ลบ และทำให้ความสัมพันธ์เสื่อมไป

อาจเป็นเพราะ เรามักจดจำความผิดของเขา ไม่ให้อภัยเขา หลายครั้ง ยิ่งจำก็ยิ่งเจ็บ และ ยิ่งเจ็บก็ยิ่งโกรธ และยิ่งโกรธก็ยิ่งเผาผลาญใจ และทำร้ายความสัมพันธ์

อาจเป็นเพราะ เรารู้สึกว่าโลกนี้เป็นโลกแห่งความทุกข์ เรามองไม่เห็นความสุขในชีวิต ไม่เห็นสิ่งดีในชีวิต แต่ละคนก็มีส่วนไม่ดีต่อเราในชีวิต ยิ่งมองลบ ก็ยิ่งเห็นลบ จนเลิกความสัมพันธ์กันไป

...แต่ถ้าเราเห็นจริงในสัจธรรม ที่ว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีสุข” ที่ใดขาดรักต่างหาก ที่นั่นมีทุกข์

...และถ้าเราเชื่อว่า “ความรักนี้...เป็นรักนิรันดร์” รู้ว่า “ความรักนั้น เป็นดังกล่องช็อคโกแล็ต” มันจะเต็มอยู่เสมอ ตราบที่เราเติมเข้าไป มากกว่าที่เราดึงออกมา ความรักนั้น ก็จะเป็นความรักที่หวานชื่นนิรันดร์

...และ ถ้าเราเริ่มยอมรับว่า เราเองก็อาจมีความบกพร่อง พร้อมจะปรับปรุงตัวเรา จดจำเรื่องดีๆของเขา เอาความทรงจำดีๆ ที่เคยสร้างรอยยิ้มให้เรา ที่เคยทำให้เราหัวเราะชื่นชมยินดี ที่เคยทำให้เราปลาบปลื้มตื้นตันใจ มาทำให้เรามีความทรงจำแห่งความสุข และเติมความสุขให้เราได้เสมอ เราก็จะมีความรักกลับมาใหม่ และพร้อมจะให้ความรักตอบแทนได้เสมอ

...และ ถ้าเราเรียนรู้ว่า โลกเราเป็นโลกแห่งความสุข พ่อแม่อยากให้ลูกมีความสุขฉันใด พระเจ้าผู้ทรงสร้างเราย่อมอยากให้เรามีความสุขฉันนั้น เพียงแต่ความสุขแท้ คือไม่ติดกับดักว่า “ต้องได้ทุกอย่างดังใจของเรา” “ทุกคนต้องดีสมบูรณ์อย่างที่เราคาดหวัง” แล้วเราก็จะพร้อมที่จะรู้สึกชื่นชมยินดี ขอบคุณพระเจ้าได้ในชีวิต และขอบคุณพระเจ้ากับทุกคนในครอบครัวที่พระองค์ทรงประทานให้

แม้เขาแต่ละคนจะมีความสมบูรณ์ เราก็ไม่สมบูรณ์เหมือนกัน เราจึงเห็นส่วนดีของเขา รักเขาที่เขาเป็นเขา เติมความรักได้เสมอ และจะสามารถดูแลรักษาความรักให้เป็นพลังและความสุขของทุกคนในครอบครัวได้ตลอดไป

และหากเราทำวันครอบครัวให้มีความหมายต่อแผ่นดิน ผมอยากเสริมเพิ่มเติมว่า

ในบทบาทของลูกต่อแผ่นดินแม่ คือความกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน ร่วมสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความรู้รักสามัคคี ความถูกต้องชอบธรรม ไม่สร้างความแตกแยก ไม่ยอมรับการโกงกันในสังคม ฯลฯ

ในบทบาทของพ่อแม่ต่อลูกหลานในแผ่นดิน เราได้เรียนรู้จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ศูนย์รวมดวงใจของชาวไทยทุกคน และควรที่พี่น้องไทยจะได้ร่วมถ่ายทอดกันต่อๆไป คือ

....การเสริมสร้าง “ความรู้สึกพอเพียง” ให้เกิดความสุขใจถาวร

...การส่งเสริม “ความอดทนเข้มแข็ง” ดังบทเรียนพระมหาชนก

...การสนับสนุน “ความรู้รักสามัคคี” ให้ชาวไทย ไม่แบ่งสีแบ่งฝ่าย

...การปลูกฝัง “ความชอบธรรม ให้เป็นคนเก่งและคนดี” ไม่ยอมรับ “ทำงานดีแต่โกง ก็ยอมรับได้” เพราะถ้าไม่โกง จะยิ่งเก่ง และบ้านเมืองจะยิ่งดี เรื่องคดีต่างๆ ถูกหรือผิด ไม่ขึ้นกับฝ่ายไหน แต่ขึ้นอยู่กับหลักฐาน ซึ่งทุกฝ่ายมีสิทธิ์ชี้แจงหลักฐานได้อย่างเป็นธรรม ดังนี้ สังคมก็จะมีความปรองดอง และร่วมกันทำให้ “วันครอบครัว” เป็นวันที่พี่น้องไทย รวมใจเป็นครอบครัวเดียวกันตลอดไปครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น