xs
xsm
sm
md
lg

Kassetชูตลาดหุ้นเอเชียสดใส กองทุนในพอร์ตรับอานิสงส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.กสิกรไทย ชูตลาดหุ้นเอเชียสดใสทั้งภูมิภาค หลังเงินลงทุนไหลกลับเข้ามา รับปัญหาหนี้ยุโรปเริ่มคลี่คลาย เผยกองทุนในพอร์ตได้อานิสงส์ ผลตอบแทนสดใสเช่นกัน

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียว่า นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างก็ปรับตัวขึ้นจากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้ามายังตลาดเกิดใหม่ หลังจากปัญหาหนี้ในยุโรปเริ่มมีความคืบหน้าในการแก้ไขมากขึ้น ภายหลังธนาคารกลางยุโรปได้มีมาตรการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ระยะยาว และอัดฉีดเงินซื้อพันธบัตรเพิ่ม ทำให้สภาพคล่องในระบบการเงินสูงขึ้น โดยเม็ดเงินดังกล่าวได้ไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียซึ่งมีฐานะทางการเงินที่เข็มแข็งประกอบกับมาตรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินการคลังของภาครัฐในเอเชียได้สร้างแรงส่งให้ตลาดหุ้นในเอเชียปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นอินเดียที่ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นตั้งแต่ต้นปีโดยปรับตัวขึ้นประมาณ 15.37% (ณ 9 กุมภาพันธ์ 2555 - ในสกุลเงินรูปี) เนื่องจากอัตรา
เงินเฟ้อ (ดัชนีราคาขายส่ง) ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยปรับตัวลงมาอยู่ที่ 7.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ประกอบกับการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการปรับลดอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ลงอีก 0.50% ซึ่งปรับลดลงสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้ตลาดตอบรับเป็นมุมมองบวก และส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดอินเดีย ในส่วนของตลาดหุ้นไทยก็ได้ปรับตัวขึ้นเช่นกันตามเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ภูมิภาคโดยตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้นประมาณ 8.96% ทั้งจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาด และจากการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเม็ดเงินฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจภายหลังมหาอุทกภัย

บลจ.กสิกรไทยระบุว่า สำหรับมุมมองต่อทิศทางการลงทุนในอนาคต มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จากตัวเลขเศรษฐกิจและระดับการจ้างงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ยุโรป เริ่มมีสัญญาณความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้ในภูมิภาค ซึ่งน่าจะช่วยให้ทั้งวิกฤตหนี้สินในกรีซ อิตาลี รวมไปถึงประเทศในกลุ่มอียูอื่นคลี่คลายลงได้ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ดี การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้และระยะยาวอาจจะมีการขยายตัวอย่างจำกัดจากการดำเนินนโยบายรัดเข็มขัดเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการคลัง ซึ่งจะส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่เอเชียที่มีฐานะการเงินเข็มแข็ง และเริ่มกลับมาออกมาตรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน แต่อย่างไรก็ตามในระยะสั้นตลาดหุ้นโลกอาจเกิดแรงขายทำกำไรได้จากการที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรง โดยประเด็นความยืดเยื้อในการแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโรปจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันอยู่

สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยนั้น คาดว่าจะขยายตัวได้ดีในปีนี้ จากเม็ดเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจและการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการฟื้นตัวที่ชัดเจนและเติบโตได้ถึง 4-5% ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยมองเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ น่าจะอยู่ที่ระดับ 1,150 - 1,200 จุด หากเม็ดเงินจากต่างชาติยังคงไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ความรุนแรงในปัญหาหนี้ของกรีซไม่ลุกลามออกไป

ทั้งนี้ ผลบวกจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าภูมิภาคต่อกองทุนนั้น ส่งผลให้กองทุนที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ อาทิ กองทุนเปิดเค อินเดียหุ้นทุน (K-INDIA) มีผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยกองทุนมีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 7กุมภาพันธ์ 2555 เท่ากับ 27.34% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานในสกุลเงินรูปี เนื่องจากกองทุนฯ ได้รับประโยชน์จากค่าเงินรูปีที่ตั้งแต่ต้นปีแข็งค่าขึ้นกว่า 8% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ทำให้กองทุนหลัก (ซึ่งอยู่ในสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ) มีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและยังได้ประโยชน์จากการกระจายการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีผลตอบแทนดีขึ้น ในขณะที่กองทุนหุ้นในประเทศ ก็ได้ผลบวกจากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช่นเดียวกัน อาทิ กองทุนเปิดเค หุ้นทุน (K-EQUITY) ให้ผลตอบแทน 9.79% ตั้งแต่ต้นปีซึ่งสูงกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ให้ผลตอบแทน 8.85% ในช่วงเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น