บลจ. วรรณ โชว์ศักยภาพจ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 3 กองรวด ผู้ถือหน่วยเตรียมรับพร้อมกัน 16 ธ.ค. นี้
นางพรรณสุภา เสสะเวช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ตรีนิตี้ ได้มีมติเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ให้จ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.147 บาท จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2554 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.160 บาท จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2554 และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ตรีนิตี้ ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.189 บาท จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2554 โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนของทั้งสามกองทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 และทั้งสามกองทุนมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 ธันวาคม 2554
ทั้งนี้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ประเภทกองทุนปิดและไม่กำหนดอายุโครงการ มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง โดยกองทุนฯ ได้เข้าลงทุนในห้องชุดสำนักงานและห้องชุดพาณิชยกรรมในอาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ และอาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 จำนวนพื้นที่รวม 30,008.16 ตารางเมตร โดยมีบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2554 มีอัตราการเช่าพื้นที่ของกองทุนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 85.70% และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุนเท่ากับ 12.1598 บาท
ขณะที่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ประเภทกองทุนปิดและไม่กำหนดอายุโครงการ มีมูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 ณ ปัจจุบันลงทุนในโรงงานอุตสาหกรรมให้เช่า จำนวนรวมทั้งสิ้น 24 โรง ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมและสวนอุตสาหกรรม รวม 5 แห่ง โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 มีอัตราการเช่าพื้นที่ของกองทุนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 77.43% และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุนเท่ากับ 10.0143 บาท
ด้านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ตรีนิตี้ เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ประเภทกองทุนปิด และไม่กำหนดอายุโครงการ มีมูลค่าโครงการ 710 ล้านบาท กองทุนฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยกองทุนฯ ลงทุนในที่ดิน อาคาร และงานระบบสาธารณูปโภค เฟอร์นิเจอร์ วัสดุ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องของเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์โกลว์ ตรีนิตี้ สีลม พื้นที่พาณิชยกรรมโกลว์ ตรีนิตี้ สีลม และกรรมสิทธิ์ห้องชุดอาคารศูนย์การค้ามอลล์ 1 กองทุนนี้มีการรับประกันรายได้ขั้นต่ำของกองทุนรวมเป็นระยะเวลา 4 ปี โดยปีที่ 1 จะรับประกันรายได้ขั้นต่ำของกองทุนรวมไม่น้อยกว่า 65.7 ล้านบาท ปีที่ 2 เพิ่มเป็น 66.7 ล้านบาท ปีที่ 3 เป็น 67.1 ล้านบาท และปีที่ 4 เป็น 67.1 ล้านบาท (ในกรณีที่กองทุนรวมได้พิจารณาต่ออายุสัญญาเช่า เมื่อครบ 3 ปีแรก) พร้อมหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุนเท่ากับ 10.1993 บาท โดยทั้งสามกองทุนนี้ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้หมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อ BKKCP, TIF1 และ TNPF
นางพรรณสุภา กล่าวต่อไปว่า ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ นั้น มีผลกระทบกับรายได้ของกองทุน TIF1 บางส่วน ทั้งนี้ กองทุนได้ทำประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน และประกันการสูญเสียค่าเช่า แต่ในขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย บริษัทฯ จึงยังไม่สามารถประเมินความเสียหายในทรัพย์สินและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรายได้ของกองทุนทั้งหมด เมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลงและสามารถประเมินความเสียหายได้ชัดเจน บริษัทฯ จะรายงานให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับทราบต่อไป
นางพรรณสุภา เสสะเวช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ตรีนิตี้ ได้มีมติเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ให้จ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.147 บาท จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2554 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.160 บาท จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2554 และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ตรีนิตี้ ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.189 บาท จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2554 โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนของทั้งสามกองทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 และทั้งสามกองทุนมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 ธันวาคม 2554
ทั้งนี้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ประเภทกองทุนปิดและไม่กำหนดอายุโครงการ มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง โดยกองทุนฯ ได้เข้าลงทุนในห้องชุดสำนักงานและห้องชุดพาณิชยกรรมในอาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ และอาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 จำนวนพื้นที่รวม 30,008.16 ตารางเมตร โดยมีบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2554 มีอัตราการเช่าพื้นที่ของกองทุนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 85.70% และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุนเท่ากับ 12.1598 บาท
ขณะที่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ประเภทกองทุนปิดและไม่กำหนดอายุโครงการ มีมูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 ณ ปัจจุบันลงทุนในโรงงานอุตสาหกรรมให้เช่า จำนวนรวมทั้งสิ้น 24 โรง ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมและสวนอุตสาหกรรม รวม 5 แห่ง โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 มีอัตราการเช่าพื้นที่ของกองทุนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 77.43% และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุนเท่ากับ 10.0143 บาท
ด้านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ตรีนิตี้ เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ประเภทกองทุนปิด และไม่กำหนดอายุโครงการ มีมูลค่าโครงการ 710 ล้านบาท กองทุนฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยกองทุนฯ ลงทุนในที่ดิน อาคาร และงานระบบสาธารณูปโภค เฟอร์นิเจอร์ วัสดุ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องของเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์โกลว์ ตรีนิตี้ สีลม พื้นที่พาณิชยกรรมโกลว์ ตรีนิตี้ สีลม และกรรมสิทธิ์ห้องชุดอาคารศูนย์การค้ามอลล์ 1 กองทุนนี้มีการรับประกันรายได้ขั้นต่ำของกองทุนรวมเป็นระยะเวลา 4 ปี โดยปีที่ 1 จะรับประกันรายได้ขั้นต่ำของกองทุนรวมไม่น้อยกว่า 65.7 ล้านบาท ปีที่ 2 เพิ่มเป็น 66.7 ล้านบาท ปีที่ 3 เป็น 67.1 ล้านบาท และปีที่ 4 เป็น 67.1 ล้านบาท (ในกรณีที่กองทุนรวมได้พิจารณาต่ออายุสัญญาเช่า เมื่อครบ 3 ปีแรก) พร้อมหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุนเท่ากับ 10.1993 บาท โดยทั้งสามกองทุนนี้ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้หมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อ BKKCP, TIF1 และ TNPF
นางพรรณสุภา กล่าวต่อไปว่า ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ นั้น มีผลกระทบกับรายได้ของกองทุน TIF1 บางส่วน ทั้งนี้ กองทุนได้ทำประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน และประกันการสูญเสียค่าเช่า แต่ในขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย บริษัทฯ จึงยังไม่สามารถประเมินความเสียหายในทรัพย์สินและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรายได้ของกองทุนทั้งหมด เมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลงและสามารถประเมินความเสียหายได้ชัดเจน บริษัทฯ จะรายงานให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับทราบต่อไป