xs
xsm
sm
md
lg

MFCเปิดตัวกองอสังหาฯM-AAA ลงทุนรีสอร์ทหรูชูผลตอบแทนดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดตัวกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ “เอ็มเอฟซี-อะเมซิ่ง อะลา อันดามัน” ที่ลงทุน ในโรงแรมพีพี ไอแลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา มูลค่า 2,120 ล้านบาท ชูผลตอบแทนที่น่าพอใจ เป็นทางเลือกนักลงทุนในช่วงศก.ชะลอตัว ระบุ วิกฤตยุโรปไม่กระทบนักท่องเที่ยว เปิดขายวันที่ 12-21 ต.ค.นี้

นางประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บลจ.เอ็มเอฟซี เตรียมเสนอขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ “เอ็มเอฟซี-อะเมซิ่ง อะลา อันดามัน” (MFC Amazing A-la Andaman Property Fund : M-AAA) มูลค่าโครงการ 2,120 ล้านบาท ซึ่งกองทุนจะทำการลงทุนโดยซื้อกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ (Freehold) ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในโรงแรมพีพี ไอแลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะพีพีจังหวัดกระบี่ โดยมั่นใจว่ากองทุนนี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจแก่นักลงทุน เนื่องจากกองทุนมีจุดเด่น หลายอย่าง คือ มีผู้บริหารซึ่งมีประสบการณ์การบริหารโรงแรมแห่งนี้มากกว่า 20 ปี โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี มีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) เฉลี่ยสูงถึงกว่า 85 % เปิดหน่วยลงทุนขายระหว่าง 12-21 ต.ค.นี้ กำหนดจองขั้นต่ำ 1,000 บาท

โดยทำเลที่ตั้งของโรงแรมซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะพีพี เป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ ที่เกิดขึ้นในปี 2547 เนื่องจากอยู่คนละด้านกับบริเวณที่ได้รับผลกระทบ และลักษณะของพื้นที่เป็นหาดส่วนตัวซึ่งหันหน้าเข้าหาฝั่งแผ่นดินใหญ่ ประกอบกับด้านหลังยังมีภูเขาโอบล้อมและบังอยู่ ทำให้โอกาสที่โรงแรมจะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติสึนามิมีน้อยมาก

นายทอมมี่ เตชะอุบล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บลจ. เอ็มเอฟซี ผู้ดูแลรับผิดชอบด้านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน กล่าวว่า ในส่วนของทรัพย์สินที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ “เอ็มเอฟซี-อะเมซิ่ง อะลา อันดามัน จะเข้าลงทุนนั้น ประกอบด้วย ที่ดินประมาณ 167 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา รีสอร์ท 112 หลัง สิ่งปลูกสร้างอื่นๆ และเรืออีก 9 ลำ

สำหรับ โครงสร้างของกองทุน หลังจากที่กองทุนได้เข้าซื้อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว กองทุนจะให้ บริษัท พีพี วิลเลจ แอสเซ็ท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารเดิม ดำเนินการเช่าทรัพย์สินเป็นระยะเวลา 15 ปี โดยกองทุนจะรับรายได้ค่าเช่าในอัตราคงที่ และปรับทุกๆ 3 ปี ปีละประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อเป็นการควบคุมความเสี่ยงของกองทุนในการรับรายได้ โดยผู้เช่าทรัพย์สินจะให้หลักประกันการเช่าทรัพย์สินคิดเป็นจำนวน 6 เดือนของค่าเช่า แบ่งเป็นเงินสดจำนวน 3 เดือน และหนังสือค้ำประกันธนาคารพาณิชย์ จำนวน 3 เดือน

โดยอัตราค่าเช่าเมื่อคิดออกมาเป็นผลตอบแทนแล้วเฉลี่ย 5 ปีจะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ ประมาณ 8 % ทั้งนี้ในส่วนของการรับประกันรายได้นั้น บลจ.มองว่ากองทุนนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการรับประกันรายได้ขั้นต่ำ เนื่องจากกองทุนมีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) เฉลี่ยสูงแน่นอนอยู่แล้ว

“กองทุนอสังหาฯ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งของนักลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว แม้ในช่วงที่เกิดวิกฤตซินามิและเกิดปัญหาซัพไพร์มที่ผ่านมาก็ยังมียอดจองห้องพักที่สูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นกลุ่มท่องเที่ยวที่พักอยู่นานแม้จะเกิดวิกฤตก็ไม่ได้ส่งผลแต่อย่างใด ขณะเดียวกันมองว่าวิกฤตยุโรปในขณะนี้ก็ยังมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปกลาง จีน เกาหลี เดินทางเข้ามาปกติขณะเดียวกัน กองทุนนี้ตั้งขึ้นตามเกณฑ์ใหม่ของกลต.ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ให้กองทุนสามารถมีการเติบโตได้ในอนาคต ซึ่งทางกองทุนก็พร้อมที่จะขยายพร้อมที่จะขยายกองทุนได้ในอนาคต” นายทอมมี่ กล่าว

สำหรับจุดเด่นของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ “เอ็มเอฟซี-อะเมซิ่ง อะลา อันดามัน” (MFC Amazing A-la Andaman Property Fund : M-AAA) นอกจากศักยภาพของทรัพย์สินที่เข้าลงทุนแล้ว การบริหารจัดการทรัพย์สินยังดำเนินการโดยมืออาชีพที่มีประสบการณ์ยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นผู้เช่าทรัพย์สิน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารทรัพย์สินเดิมคือ บริษัทพีพี วิลเลจ แอสเซ็ท แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดูแลการก่อสร้างโรงแรมแห่งนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน โดยบริหารงานและสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องมายาวนานกว่า 20 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น