บลจ.แอสเซทพลัสแนะลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี เลี่ยงความผันผวนตลาดและการผิดชำระหนี้ ล่าสุดเตรียมโรลโอเวอร์กอง"ทวีทรัพย์ 4"รอบใหม่ 11 ตุลาคมนี้ ชูผลตอบแท 3.4% ต่อปี ระบุแนวโน้มดอกเบี้ยยังทรงตัวอีกระยะ
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซทพลัส จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนของนักลงทุนในช่วงนี้อยากแนะนำให้ผู้ลงทุนพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ ระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 1 ปี เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด และความเสี่ยงหากมีการชะลอการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นของตลาด
ทั้งนี้ ภาวะตลาดตราสารหนี้ในช่วงนี้ ระดับอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินโดยทั่วไปยังคงทรงตัว เพราะยังไม่มีข่าวใหม่เกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ยและการเปลี่ยนแปลงระดับสภาพคล่องในตลาด
ส่วนในด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลขยับขึ้นทั้งเส้นสูงสุดประมาณเกือบ 0.30% ในช่วงเดือน กันยายนที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดตราสารหนี้ไทยมีความผันผวนนั้น มาจากความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และปัญหาหนี้สาธาณะในยุโรป ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองทรัพย์สินเสี่ยงจำพวกหุ้น และสินทรัพย์อื่นเพื่อสำรองสภาพคล่อง
นางสาวจารุลักษณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ของ บลจ.แอสเซท พลัส ในช่วงตลาดมีความผันผวนเช่นนี้ จะเน้นเลือกลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีสภาพคล่องสูง ระยะเวลาสั้นๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล และเงินฝาก เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทจึงเตรียมจะทำการเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ (Rollover) กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีทรัพย์ 4 (ASP-TFIXED4) ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ โดยจะพิจารณาลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และเงินฝากธนาคาร ที่ถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาล เช่น ตั๋วสัญญาใช้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (GHB) และเงินฝากธนาคารออมสิน (GSB) โดยมีรอบการลงทุนประมาณ 6 เดือน และคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.40% ต่อปี
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซทพลัส จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนของนักลงทุนในช่วงนี้อยากแนะนำให้ผู้ลงทุนพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ ระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 1 ปี เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด และความเสี่ยงหากมีการชะลอการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นของตลาด
ทั้งนี้ ภาวะตลาดตราสารหนี้ในช่วงนี้ ระดับอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินโดยทั่วไปยังคงทรงตัว เพราะยังไม่มีข่าวใหม่เกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ยและการเปลี่ยนแปลงระดับสภาพคล่องในตลาด
ส่วนในด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลขยับขึ้นทั้งเส้นสูงสุดประมาณเกือบ 0.30% ในช่วงเดือน กันยายนที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดตราสารหนี้ไทยมีความผันผวนนั้น มาจากความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และปัญหาหนี้สาธาณะในยุโรป ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองทรัพย์สินเสี่ยงจำพวกหุ้น และสินทรัพย์อื่นเพื่อสำรองสภาพคล่อง
นางสาวจารุลักษณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ของ บลจ.แอสเซท พลัส ในช่วงตลาดมีความผันผวนเช่นนี้ จะเน้นเลือกลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีสภาพคล่องสูง ระยะเวลาสั้นๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล และเงินฝาก เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทจึงเตรียมจะทำการเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ (Rollover) กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีทรัพย์ 4 (ASP-TFIXED4) ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ โดยจะพิจารณาลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และเงินฝากธนาคาร ที่ถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาล เช่น ตั๋วสัญญาใช้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (GHB) และเงินฝากธนาคารออมสิน (GSB) โดยมีรอบการลงทุนประมาณ 6 เดือน และคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.40% ต่อปี
