ยูโอบีชี้หุ้นไทยแกว่งแต่ยังไปต่อ แนะจัดพอร์ตลุยบลูชิพ-บอนด์ระยะสั้น

บลจ.ยูโอบี ชี้ หุ้นไทยแกว่งตัวจากแรงเทขายแต่แนวโน้มยังไปต่อได้อีก ขณะที่เงินทุนจากต่างประเทศยังไหลเข้ามา แนะซื้อหุ้น "บลูชิพ" ส่วนกองบอนด์ระยะสั้นผลตอบแทนดีน่าลงทุน

นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บลจ. ยูโอบี ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนโดยบริษัทมียอดขายจำนวนมาก ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) กว่า 53,000 ล้านบาท และตั้งเป้าการเติบโตในปี 2554 ไว้ที่ 20%

ส่วนสถานการณ์ของการลงทุนในหุ้นไทย นายวนากล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาหุ้นไทยมีแรงที่ขายออกมากเนื่องจากผลตอบแทนของบริษัทต่างๆที่ออกมาค่อนข้างดี แต่ก็ยังมีแรงซื้อเข้ามาเช่นเดียวกันจึงทำให้หุ้นไทยมีการแกว่งตัว แต่ยังมองว่าหุ้นไทยยังเติบโตไปได้อีกเช่นเดียวกับบริษัทต่างที่ในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในปีนี้เงินทุนจากต่างประเทศก็ยังคงไหลเข้ามาลงทุนในเอเชียอยู่เพื่อรอดูสถานการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯน่าจะกลับไปลงทุนได้เมื่อไร

"สำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในกองทุนหุ้นนั้นจากสถานการณ์ของหุ้นไทยตอนนี้แนะนำให้นักลงทุนดูจังหวะที่จะเข้าลงทุน โดยเน้นลงทุนในหุ้น บลูชิพ เท่านั้น" นายวนา กล่าว

ขณะที่กองทุนตราสารหนี้นั้น จากการที่อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นมาทำให้กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนจำนวนมาก ซึ่งทาง บลจ.ยูโอบี ก็แนะนำให้นักลงทุนลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น 3-6 เดือนที่ลงทุนในพัธบัตรรัฐบาล เพราะยังมองว่าแนวโน้ทดอกเบี้ยอาจจะปรับเพิ่มขึ้นอีกได้ และ บลจ.ยูโอบี ก็มีกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นรองรับนักลงทุนเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ บลจ.ยูโอบี อยู่ในระหว่างการเปิดขาย กองทุนเปิด ยูโอบี เอสบี 6/6 ซึ่งลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ และเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และมูลค่าขั้นต่ำในการสั่งซื้อ 10,000 บาท โดยเปิดขายครั้งแรกแลัครั้งเดียวตั้งแต่วันที่ 18 มกราคมถึงวันจันทร์ที่ 24 มกราคมนี้วันสุดท้าย