ASTVผู้จัดการรายวัน - กูรูการเงินชี้ ไทยรับผลกระทบจากวิกฤตหนี้แต่ไม่มาก ปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง หากการบริโภคในประเทศดียังคงไปต่อได้ ระบุ ตลาดเงิน ตลาดทุนจะมีความผันผวน แต่เป็นโอกาสสำหรับคนซื้อ ขณะที่ประเทศจีน ยังเป็นความหวังกับศก.ไทยในระยะสั้น - กลาง
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปมีปัญหาแต่ไทยส่งออกไปสหรัฐและยุโรปลดลงไปมากจาก 40% ในอดีต ลดลงเหลือแห่งละประมาณ 9% กว่าๆ แล้วยังมีการส่งออกเพิ่มขึ้นในเอเชียด้วยกันโดยเฉพาะจีน แต่จะบอกว่าไทยรอดได้หรือไม่นั้นยังไม่ได้ เพราะประเทศคู่ค้าของไทยอย่างจีนหรืออื่นๆ ต่างก็มีการส่งออกไปสหรัฐและยุโรปด้วยเช่นกันจึงเป็นผลกระทบทางอ้อมกับไทย โดยจีนมีสัดส่วนการส่งออกไป 2 กลุ่มนี้ประมาณ 37% ของการส่งออกทั้งหมด และจีนเองก็อาจจะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ซึ่งประเทศไทยเองยังคงได้รับผลกระทบแน่ แต่คงไม่รุนแรงมากหากมีการเตรียมตัวล่วงหน้าในการ บริหารจัดการให้ดี เพราะหากเทียบกับปี 2008 ยอดส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์ ยางพารา และเครื่องปรับอากาศที่ส่งตรงไปยุโรปยอดลดลงไป 30 - 57% ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้ากับเครื่องนุ่งห่มกระทบเล็กน้อย 6 - 9%
ส่วนการส่งออกไปสหรัฐนั้นกระทบสินค้าอย่าง ยางพารา แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องนุ่งหุ่ม ที่ปรับตัวลงไป 26 - 48% แต่กลุ่มอาหาร เช่น ปลา/อาหารทะเลกระป๋อง และกุ้งแช่แข็งไม่กระทบในยุโรปและเพิ่มขึ้น 5% ด้วยในสหรัฐ ปัจจุบันจีนสั่งสินค้าจากไทยและอาเซียนเพื่อบริโภคภายในเพิ่มขึ้น ไม่ได้เอาไปผลิตเพิ่มแล้วส่งออก โดยประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบบ้างถ้าจีนประสบปัญหา แต่ไทยยังอยู่ได้ถ้ามีการบริโภคภายในประเทศในระดับที่เหมาะสม
ขณะที่ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยนั้น นางวรวรรณ กล่าว่าว ไม่มีใครทำนายดัชนีได้เพราะดัชนีเป็นสิ่งถึงสะท้อนถึงการแสดงออกของผู้เล่นในตลาดซึ่งทำนายได้ยาก แต่ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยก็ผ่านวิกฤติมาหลายครั้งตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
"หุ้นไทยในท่ามกลางวิกฤติปัจจุบันจะเป็นอย่างไร ในโลกของการลงทุนไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หากไทยดำเนินนโยบายดี ด้วยพื้นฐานของประเทศที่ยังเข้มแข็ง และมีการบริโภคที่ดีในประเทศเราก็จะรอด ในโลกของการลงทุนไม่มีภาวะที่ตลาดย่ำแย่จนลงทุนไม่ได้ เพราะเวลาตลาดตก มันก็เป็นตลาดที่ดีสำหรับคนซื้อ แต่อาจเป็นตลาดที่ไม่ดีสำหรับคนขาย" นางวรวรรณ กล่าว
ด้าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรอง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจ โลกในปีหน้าจะชะลอตัว ตลาดหุ้นจะมีความผันผวนมากขึ้นเพราะเวลาที่ยูโรปประชุมไม่ทันหุ้นก็จะตกเป็น ไปในลักษณะนี้ ด้านการเงินของประเทศไทยเองจะมีความผันผวนจากข้างนอกเข้ามาข้างใน แต่ปัจจุบันไทยยังมีพื้นฐานที่ดีมาก หนี้ต่ำ ธนาคารแข็งแรง แม้จะมีความผันผวนจากภายนอกแต่ถ้าเราตั้งสติไม่ตกใจ ตลาดอาจจะมีความผันผวนแต่หากเราดูแลสภาพคล่อง ดูแลค่าเงินบาทได้ดีเราก็จะสามารถผ่านสถานการณ์นี้ไปได้เช่นที่เคยผ่านมา แล้วในอดีต เศรษฐกิจโลกชะลอตัวอาจจะกระทบการส่งออกของไทยบ้างแต่ไทยส่งออกไปสหรัฐประมาณ 10% ยุโรปประมาณ 10% ถ้าไปค้าขายกับประเทศอื่นและมีมาตรการในการช่วยเหลือผู้ส่งออกบ้างแม้การส่ง ออกอาจจะลดลงแต่ก็คงไม่ถึงกับย่ำแย่
ส่วนประเทศจีนยังเป็นความหวังได้ในระยะสั้น-กลาง เพราะผู้นำประเทศจีนทำถูกที่หันมาดูแลเศรษฐกิจในประเทศมีการลงทุนโครงสร้าง พื้นฐาน ดูแลเศรษฐกิจรากหญ้า ทำให้เศรษฐกิจจีนยังไม่ร้อนแรงเกินไป (Over Heat) ในปัจจุบันคนชั้นกลางที่มีรายได้ดีมีมากขึ้น อำนาจซื้อในประเทศก็มีมากขึ้น และจีนเองจะเป็นความหวังของเศรษฐกิจไทยเช่นกัน ในขณะที่ญี่ปุ่นจะไม่เป็นปัญหาของใคร เพราะเป็นประเทศที่มีเงินออมมาก แม้เศรษฐกิจจะไม่โตก็ตามแต่จะไม่เป็นภาระของใคร
AIMCมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ
ทั้งนี้ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน(AIMC) ได้มอบรางวัลเชิดชูเกียรติบุคคลผู้มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมจัดการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงตลาดทุน ประจำปี2554 จำนวน 4 รางวัล โดยรางวัลแรกได้แก่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งผลักดันให้เกิดกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) นายชาญชัย จารุวัสตร์ กรรมการผู้อำนวยการสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ซึ่งเป็นนักบริหารมืออาชีพ มีบทบาทในการวางรากฐานและผลักดันให้เกิดธรรมาภิบาลของบริษัทเอกชน
ขณะที่ นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและประธานหอการค้าไทย ซึ่งเป็นผู้นำองค์กรเอกชนที่ทำงานเพื่อสังคมโดยเฉพาะการจัดตั้งภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันที่มีองค์กรภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม ซึ่งทำให้เกิดการตื่นตัวและจุดประกายให้คนไทยต่อต้านคอร์รัปชัน และนาย นายวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ผลักดันโครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม และวางรากฐานความรู้การออมและการลงทุน และริเริ่มสร้างละครเวทีหมูอู๊ดอี๊ดกับกระปุกกายสิทธิ์
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปมีปัญหาแต่ไทยส่งออกไปสหรัฐและยุโรปลดลงไปมากจาก 40% ในอดีต ลดลงเหลือแห่งละประมาณ 9% กว่าๆ แล้วยังมีการส่งออกเพิ่มขึ้นในเอเชียด้วยกันโดยเฉพาะจีน แต่จะบอกว่าไทยรอดได้หรือไม่นั้นยังไม่ได้ เพราะประเทศคู่ค้าของไทยอย่างจีนหรืออื่นๆ ต่างก็มีการส่งออกไปสหรัฐและยุโรปด้วยเช่นกันจึงเป็นผลกระทบทางอ้อมกับไทย โดยจีนมีสัดส่วนการส่งออกไป 2 กลุ่มนี้ประมาณ 37% ของการส่งออกทั้งหมด และจีนเองก็อาจจะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ซึ่งประเทศไทยเองยังคงได้รับผลกระทบแน่ แต่คงไม่รุนแรงมากหากมีการเตรียมตัวล่วงหน้าในการ บริหารจัดการให้ดี เพราะหากเทียบกับปี 2008 ยอดส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์ ยางพารา และเครื่องปรับอากาศที่ส่งตรงไปยุโรปยอดลดลงไป 30 - 57% ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้ากับเครื่องนุ่งห่มกระทบเล็กน้อย 6 - 9%
ส่วนการส่งออกไปสหรัฐนั้นกระทบสินค้าอย่าง ยางพารา แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องนุ่งหุ่ม ที่ปรับตัวลงไป 26 - 48% แต่กลุ่มอาหาร เช่น ปลา/อาหารทะเลกระป๋อง และกุ้งแช่แข็งไม่กระทบในยุโรปและเพิ่มขึ้น 5% ด้วยในสหรัฐ ปัจจุบันจีนสั่งสินค้าจากไทยและอาเซียนเพื่อบริโภคภายในเพิ่มขึ้น ไม่ได้เอาไปผลิตเพิ่มแล้วส่งออก โดยประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบบ้างถ้าจีนประสบปัญหา แต่ไทยยังอยู่ได้ถ้ามีการบริโภคภายในประเทศในระดับที่เหมาะสม
ขณะที่ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยนั้น นางวรวรรณ กล่าว่าว ไม่มีใครทำนายดัชนีได้เพราะดัชนีเป็นสิ่งถึงสะท้อนถึงการแสดงออกของผู้เล่นในตลาดซึ่งทำนายได้ยาก แต่ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยก็ผ่านวิกฤติมาหลายครั้งตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
"หุ้นไทยในท่ามกลางวิกฤติปัจจุบันจะเป็นอย่างไร ในโลกของการลงทุนไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หากไทยดำเนินนโยบายดี ด้วยพื้นฐานของประเทศที่ยังเข้มแข็ง และมีการบริโภคที่ดีในประเทศเราก็จะรอด ในโลกของการลงทุนไม่มีภาวะที่ตลาดย่ำแย่จนลงทุนไม่ได้ เพราะเวลาตลาดตก มันก็เป็นตลาดที่ดีสำหรับคนซื้อ แต่อาจเป็นตลาดที่ไม่ดีสำหรับคนขาย" นางวรวรรณ กล่าว
ด้าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรอง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจ โลกในปีหน้าจะชะลอตัว ตลาดหุ้นจะมีความผันผวนมากขึ้นเพราะเวลาที่ยูโรปประชุมไม่ทันหุ้นก็จะตกเป็น ไปในลักษณะนี้ ด้านการเงินของประเทศไทยเองจะมีความผันผวนจากข้างนอกเข้ามาข้างใน แต่ปัจจุบันไทยยังมีพื้นฐานที่ดีมาก หนี้ต่ำ ธนาคารแข็งแรง แม้จะมีความผันผวนจากภายนอกแต่ถ้าเราตั้งสติไม่ตกใจ ตลาดอาจจะมีความผันผวนแต่หากเราดูแลสภาพคล่อง ดูแลค่าเงินบาทได้ดีเราก็จะสามารถผ่านสถานการณ์นี้ไปได้เช่นที่เคยผ่านมา แล้วในอดีต เศรษฐกิจโลกชะลอตัวอาจจะกระทบการส่งออกของไทยบ้างแต่ไทยส่งออกไปสหรัฐประมาณ 10% ยุโรปประมาณ 10% ถ้าไปค้าขายกับประเทศอื่นและมีมาตรการในการช่วยเหลือผู้ส่งออกบ้างแม้การส่ง ออกอาจจะลดลงแต่ก็คงไม่ถึงกับย่ำแย่
ส่วนประเทศจีนยังเป็นความหวังได้ในระยะสั้น-กลาง เพราะผู้นำประเทศจีนทำถูกที่หันมาดูแลเศรษฐกิจในประเทศมีการลงทุนโครงสร้าง พื้นฐาน ดูแลเศรษฐกิจรากหญ้า ทำให้เศรษฐกิจจีนยังไม่ร้อนแรงเกินไป (Over Heat) ในปัจจุบันคนชั้นกลางที่มีรายได้ดีมีมากขึ้น อำนาจซื้อในประเทศก็มีมากขึ้น และจีนเองจะเป็นความหวังของเศรษฐกิจไทยเช่นกัน ในขณะที่ญี่ปุ่นจะไม่เป็นปัญหาของใคร เพราะเป็นประเทศที่มีเงินออมมาก แม้เศรษฐกิจจะไม่โตก็ตามแต่จะไม่เป็นภาระของใคร
AIMCมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ
ทั้งนี้ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน(AIMC) ได้มอบรางวัลเชิดชูเกียรติบุคคลผู้มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมจัดการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงตลาดทุน ประจำปี2554 จำนวน 4 รางวัล โดยรางวัลแรกได้แก่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งผลักดันให้เกิดกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) นายชาญชัย จารุวัสตร์ กรรมการผู้อำนวยการสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ซึ่งเป็นนักบริหารมืออาชีพ มีบทบาทในการวางรากฐานและผลักดันให้เกิดธรรมาภิบาลของบริษัทเอกชน
ขณะที่ นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและประธานหอการค้าไทย ซึ่งเป็นผู้นำองค์กรเอกชนที่ทำงานเพื่อสังคมโดยเฉพาะการจัดตั้งภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันที่มีองค์กรภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม ซึ่งทำให้เกิดการตื่นตัวและจุดประกายให้คนไทยต่อต้านคอร์รัปชัน และนาย นายวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ผลักดันโครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม และวางรากฐานความรู้การออมและการลงทุน และริเริ่มสร้างละครเวทีหมูอู๊ดอี๊ดกับกระปุกกายสิทธิ์
