สำรวจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งระบบ 8 เดือนเงินไหลเข้ากว่า 3 หมื่นล้าน โตแล้ว 5.53% โดย "บลจ.กสิกรไทย" ยังรั้งแชมป์เบอร์หนึ่ง ด้วยสินทรัพย์รวมกว่า 1.32 แสนล้าน เผยตั้งแต่ต้นปี โตแล้วกว่า 4.3 หมื่นล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก แต่ด้วยความแข็งแกร่งของพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ยังทำให้ผลประกอบการของภาคเอกชนเติบโตต่อไปได้ ซึ่งส่วนหนึ่ง มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วย เพราะจากการรายงานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน พบว่า มีจำนวนนายจ้างและจำนวนสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสิ้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สมาคมบริษัทจัดการลงทุนรายงานตัวเลขเงินลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ล่าสุดว่า มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 605,816.08 ล้านบาท โดยคิดเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 31,740.80 ล้านบาท ที่มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 574,075.28 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าว คิดเป็นอัตราการขยายตัวทั้งอุตสาหกรรมแล้ว 5.53%
สำหรับส่วนแบ่งการตลาดล่าสุด จากบริษัทจัดการที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 19 รายนั้น บริษัทจัดการที่มีเงินลงทุนในพอร์ตสูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย อันดับ 1 บลจ.กสิกรไทย ซึ่งมีเงินลงทุนรวมในพอร์ตทั้งสิ้น 132,588.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนถึง 43,174.62 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่มีเงินลงทุนรวม 89,414.30 ล้านบาท ทั้งนี้ บลจ.กสิรไทย เป็นบลจ.เดียวที่มีสินทรัพย์ในพอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเกิน 1 แสนล้านบาท
อันดับ 2 บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ด้วยเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 90,443.49 ล้านบาท โดยมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 17,524.62 ล้านบาท อันดับ 3. บลจ.ทิสโก้ จำกัด ด้วยเงินลงทุนรวม 81,597.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมา 4,331.67 ล้านบาท
อันดับ 4. บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยเงินลงทุนรวม 74,248.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 13,895.56 ล้านบาท อันดับ 5. บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด ซึ่งมีเงินลงทุนในพอร์ตรวม 64,462.92 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบเงินปีที่ผ่านมา บลจ.ไทยพาณิชย์มรสินทรัพย์ลดลงไปประมาณ 13,782.41 ล้านบาท
อันดับ 6. บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 38,033.79 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนถึง 21,196.04 ล้านบาท อันดับ 7. บลจ.บัวหลวง จำกัด มีเงินลงทุนรวม 26,966.15 ล้านบาท ลดลงประมาณ 19,403.87 ล้านบาทจากปีก่อน
อันดับ 8. บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด ซึ่งมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 18,996.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 837.85 ล้านบาท อันดับ 9. บลจ. กรุงศรี จำกัด มีเงินลงทุนรวม 18,003.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,193.75 ล้านบาท และอัดนับ 10. บลจ.ฟินันซ่า วึ่งมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 11,419.33 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 485.28 ล้านบาทจากสิ้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงที่เหลือของปี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ น่าจะยังขยายตัวได้เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากการส่างเงินเข้ากองทุนที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจากการแข่งขันของบรรดาบริษัทจัดการกองทุน ที่หันมาเล่นตลาดนี้กันมากขึ้น โดยเฉพาะบลจ. ในเครือแบงก์ขนาดใหญ่ ที่มีฐานลูกค้าทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก ซึ่งฐานลูกค้าเหล่านี้ สามารถต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุนอื่นๆ ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก แต่ด้วยความแข็งแกร่งของพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ยังทำให้ผลประกอบการของภาคเอกชนเติบโตต่อไปได้ ซึ่งส่วนหนึ่ง มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วย เพราะจากการรายงานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน พบว่า มีจำนวนนายจ้างและจำนวนสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสิ้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สมาคมบริษัทจัดการลงทุนรายงานตัวเลขเงินลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ล่าสุดว่า มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 605,816.08 ล้านบาท โดยคิดเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 31,740.80 ล้านบาท ที่มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 574,075.28 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าว คิดเป็นอัตราการขยายตัวทั้งอุตสาหกรรมแล้ว 5.53%
สำหรับส่วนแบ่งการตลาดล่าสุด จากบริษัทจัดการที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 19 รายนั้น บริษัทจัดการที่มีเงินลงทุนในพอร์ตสูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย อันดับ 1 บลจ.กสิกรไทย ซึ่งมีเงินลงทุนรวมในพอร์ตทั้งสิ้น 132,588.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนถึง 43,174.62 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่มีเงินลงทุนรวม 89,414.30 ล้านบาท ทั้งนี้ บลจ.กสิรไทย เป็นบลจ.เดียวที่มีสินทรัพย์ในพอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเกิน 1 แสนล้านบาท
อันดับ 2 บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ด้วยเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 90,443.49 ล้านบาท โดยมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 17,524.62 ล้านบาท อันดับ 3. บลจ.ทิสโก้ จำกัด ด้วยเงินลงทุนรวม 81,597.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมา 4,331.67 ล้านบาท
อันดับ 4. บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยเงินลงทุนรวม 74,248.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 13,895.56 ล้านบาท อันดับ 5. บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด ซึ่งมีเงินลงทุนในพอร์ตรวม 64,462.92 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบเงินปีที่ผ่านมา บลจ.ไทยพาณิชย์มรสินทรัพย์ลดลงไปประมาณ 13,782.41 ล้านบาท
อันดับ 6. บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 38,033.79 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนถึง 21,196.04 ล้านบาท อันดับ 7. บลจ.บัวหลวง จำกัด มีเงินลงทุนรวม 26,966.15 ล้านบาท ลดลงประมาณ 19,403.87 ล้านบาทจากปีก่อน
อันดับ 8. บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด ซึ่งมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 18,996.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 837.85 ล้านบาท อันดับ 9. บลจ. กรุงศรี จำกัด มีเงินลงทุนรวม 18,003.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,193.75 ล้านบาท และอัดนับ 10. บลจ.ฟินันซ่า วึ่งมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 11,419.33 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 485.28 ล้านบาทจากสิ้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงที่เหลือของปี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ น่าจะยังขยายตัวได้เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากการส่างเงินเข้ากองทุนที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจากการแข่งขันของบรรดาบริษัทจัดการกองทุน ที่หันมาเล่นตลาดนี้กันมากขึ้น โดยเฉพาะบลจ. ในเครือแบงก์ขนาดใหญ่ ที่มีฐานลูกค้าทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก ซึ่งฐานลูกค้าเหล่านี้ สามารถต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุนอื่นๆ ได้
