บลจ.ยูโอบี ชี้ ราคาทองคำ อาจผันผวนระยะสั้นหลังราคาปรับขึ้นแรง แต่ระยะยาวยังน่าสนใจ เหตุได้แรงหนุน จากความต้องการเป็นทุนสำรองของประเทศกำลังพัฒนา
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ. ยูโอบี จำกัด รายงาน ภาวะราคาทองคำว่า ราคาทองคำในปัจจุบันได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินในยุโรป การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางเพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ รวมถึงความต้องการลงทุนในทองคำเพื่อการลงทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับตัวขึ้นที่ค่อนข้างแรงในช่วงเดือนที่ผ่านมา อาจทำให้ราคาทองคำมีความผันผวนได้ในระยะสั้น
โดยในอดีตที่ผ่านมา นักลงทุนมักคุ้นเคยกับการลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้หรือตราสารทุนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีสินทรัพย์ประเภทอื่นๆที่เป็นทางเลือกมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือการลงทุนในทองคำซึ่งเป็นโลหะมีค่าที่ทุกคนคุ้นเคยกันมานาน การลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาและส่งผลให้การลงทุนในทองคำทั้งในรูปแบบของการซื้อขายทองคำแท่งหรือกองทุนรวมได้รับความสนใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในทองคำ ณ ระดับราคาปัจจุบัน (ประมาณ 1900 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์) อาจมีความผันผวนมากขึ้นและนักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน แต่หากนักลงทุนสามารถลงทุนระยะยาวได้ ทองคำจะยังคงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเนื่องจากการถือครองทองคำช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ การลงทุนในทองคำยังมีปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ อาทิ ธนาคารกลางหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำเพื่อเป็นทุนสำรองมากขึ้น กระแสเงินลงทุนจากกองทุน Gold ETF ต่างๆ (ETF Inflows) ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ปริมาณการผลิตทองคำที่มีจำกัด ต้นทุนการผลิตทองคำที่มีแนวโน้มสูงขึ้น อุปสงค์ในทองคำที่เพิ่มขึ้นในจีนและอินเดีย เป็นต้น
สำหรับกองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวประเภท Multi-Class ซึ่งแบ่งหน่วยลงทุนออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดจ่ายเงินปันผล และไม่จ่ายเงินปันผล และกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust (“กองทุนหลัก”) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในทองคำแท่งโดยตรงเพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำในตลาดโลกหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกองทุน และมีความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่ากองทุนทองคำและกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่มักจะลงทุนในตราสารหนี้และทำการ Swap ผลตอบแทน
นอกจากนี้ กองทุนหลักดังกล่าวยังเป็นกองทุน Gold ETF ที่ลงทุนในทองคำโดยตรงที่มีขนาดกองทุนใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีสภาพคล่องสูง เพราะสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ เป็นกองทุนยอดนิยมของนักลงทุนทั่วโลก และมีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ปัจจุบัน กองทุนถือทองคำมากถึง 1.3 พันตัน ซึ่งเป็นมูลค่ามากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว (ที่มา: www.exchangetradedgold.com, www.spdrgoldshares.com และ Reuters)
อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ ถึงแม้ว่ากองทุนอาจป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน แต่เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ. ยูโอบี จำกัด รายงาน ภาวะราคาทองคำว่า ราคาทองคำในปัจจุบันได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินในยุโรป การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางเพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ รวมถึงความต้องการลงทุนในทองคำเพื่อการลงทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับตัวขึ้นที่ค่อนข้างแรงในช่วงเดือนที่ผ่านมา อาจทำให้ราคาทองคำมีความผันผวนได้ในระยะสั้น
โดยในอดีตที่ผ่านมา นักลงทุนมักคุ้นเคยกับการลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้หรือตราสารทุนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีสินทรัพย์ประเภทอื่นๆที่เป็นทางเลือกมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือการลงทุนในทองคำซึ่งเป็นโลหะมีค่าที่ทุกคนคุ้นเคยกันมานาน การลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาและส่งผลให้การลงทุนในทองคำทั้งในรูปแบบของการซื้อขายทองคำแท่งหรือกองทุนรวมได้รับความสนใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในทองคำ ณ ระดับราคาปัจจุบัน (ประมาณ 1900 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์) อาจมีความผันผวนมากขึ้นและนักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน แต่หากนักลงทุนสามารถลงทุนระยะยาวได้ ทองคำจะยังคงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเนื่องจากการถือครองทองคำช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ การลงทุนในทองคำยังมีปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ อาทิ ธนาคารกลางหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำเพื่อเป็นทุนสำรองมากขึ้น กระแสเงินลงทุนจากกองทุน Gold ETF ต่างๆ (ETF Inflows) ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ปริมาณการผลิตทองคำที่มีจำกัด ต้นทุนการผลิตทองคำที่มีแนวโน้มสูงขึ้น อุปสงค์ในทองคำที่เพิ่มขึ้นในจีนและอินเดีย เป็นต้น
สำหรับกองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวประเภท Multi-Class ซึ่งแบ่งหน่วยลงทุนออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดจ่ายเงินปันผล และไม่จ่ายเงินปันผล และกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust (“กองทุนหลัก”) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในทองคำแท่งโดยตรงเพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำในตลาดโลกหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกองทุน และมีความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่ากองทุนทองคำและกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่มักจะลงทุนในตราสารหนี้และทำการ Swap ผลตอบแทน
นอกจากนี้ กองทุนหลักดังกล่าวยังเป็นกองทุน Gold ETF ที่ลงทุนในทองคำโดยตรงที่มีขนาดกองทุนใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีสภาพคล่องสูง เพราะสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ เป็นกองทุนยอดนิยมของนักลงทุนทั่วโลก และมีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ปัจจุบัน กองทุนถือทองคำมากถึง 1.3 พันตัน ซึ่งเป็นมูลค่ามากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว (ที่มา: www.exchangetradedgold.com, www.spdrgoldshares.com และ Reuters)
อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ ถึงแม้ว่ากองทุนอาจป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน แต่เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
