พรูเด็นเชียลประกันชีวิต ชี้พิษเศรษฐกิจฉุดยอดเทเลตก คาดอีก 2 ปีฟื้นตัว พร้อมตั้งเป้าปีนี้ยอดขายผ่านเทเล-แบงก์ โต 15% ล่าสุดส่งสินค้าใหม่ขายผ่านแบงก์ยูโอบีเพิ่มอีก
นางสาวชลัฐกร คมนียวนิช รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ บริษัทพรูเด็นเชียล จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ช่องทางการขายผ่านเทเลมาร์เก็ตติ้ง(การขายผ่านโทรศัพท์)ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจส่งผลให้มีลูกค้าที่เข้ามาสู่ระบบบัตรเครดิตน้อยลง โดยคาดว่าช่องทางนี้น่าจะใช้เวลาฟื้นตัวอีกประมาณ 2 ปีถึงจะกลับมามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น
"การที่มาร์เก็ตแชร์ของช่องทางเทเลเราตกลงจากการเป็นผู้นำมาอยู่ที่ 5 ในปัจจุบันไม่ใช่เพราะเราไม่ขยายแต่เป็นเพราะเศรษฐกิจ ซึ่่งถ้าฐานลูกค้าบัตรเครดิตโตเราก็จะโตตาม แต่ปีนี้เราก็ตั้งเป้าสำหรับช่องทางนี้ให้โต 15% เหมือนกัน"นางสาวชลัฐกรกล่าว
อย่างไรก็ตามถึงแม้ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทจะลดลง แต่อัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์กลับเพิ่มมากขึ้นมาอยู่ที่ 80% จากเดิมอยู่ที่ 50%-60% แสดงให้เห็นว่าสินค้าของบริษัทตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยลูกค้าในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานบริษัทที่มีความต้องการกรมธรรม์ที่ครอบคลุมทั้งการหักภาษี ผลตอบแทนจากการลงทุน การประกันชีวิต และการมีเงินคืนระหว่างอายุ ซึ่งสินค้าจะต้องเป็นที่น่าสนใจไม่เช่นนั้นจะเป็นการยากที่ลูกค้าจะยอมรับฟังการนำเสนอสินค้าในปัจจุบัน
ทั้งนี้ หลังจากนี้สิ่งที่บริษัทจะให้ความสำคัญหลังจากนี้คงเป็นข้อมูลฐานลูกค้าที่ทำร่วมกับพันธมิตร ส่วนด้านพนักงานรับโทรศัพท์ที่มีอยู่ประมาณ 150 คนคงจะไม่มีการปรับเพิ่ม แต่จะมีการพัฒนาเพื่อให้เหมาะสมกับช่องทางนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า โดยพนักงานของบริษัทจะต้องมีการพัฒนาศักยภาพตนเองและปฏิบัติหน้าที่ให้ได้ตามเกณฑ์ของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย(คปภ.)
นางสาวชลัฐกรกล่าวอีกว่า นอกจากช่องทางการจำหน่ายผ่านทางโทรศัพท์แล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับช่องทางอื่นด้วย โดยปัจจุบันสัดส่วนการขายของบริษัทจะแบ่งเป็นช่องทางขายผ่านธนาคาร 60% ทางเทเลมาร์เก็ตติ้ง 30% และช่องทางตัวแทน 10% ซึ่งช่องทางที่โดดเด่นมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นช่องทางธนาคารที่บริษัทได้จับมือเป็นพันธมิตรกับธนาคารยูโอบี ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาการขายผ่านช่องทางนี้มีการเติบโตในระดับที่สูงมาก และในปีนี้ก็น่าจะขยายตัวที่ประมาณ 15% เช่นกัน
ทั้่งนี้ ล่าสุดบริษัทยังได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขายผ่านช่องทางธนาคารด้วยความร่วมมือกับธนาคารยูโอบี โดยได้พัฒนาแบบประกันชีวิต"พรูเพอร์เฟ็คต์ แคร์"ที่ให้ความคุ้มครองทั้งชีวตืและสุขภาพจนถึงอายุ 80 ปีในกรมธรรม์เดียว เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในวัยเกษียณ
โดยกรมธรรม์ดังกล่าวจะให้ความคุ้มครองในเรื่องของการจ่ายค่าชดเชยค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย ตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และสามารถเบิกจ่ายเพิ่มเติมจากสิทธิค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ที่่มีอยู่ นอกจากนี้การจ่ายเบี้ยอัตราเดียวตลอดสัญญาจะช่วยผู้เอาประกันวางแผนการเงินได้ล่วงหน้าอย่างชัดเจน และเมื่อครบกำหนดสัญญาผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนตามจำนวนเงินเอาประกันภัย และยังสามารถนำเบี้ยประกันคุ้มครองชีวิตมาใช้สิทธิทางภาษีได้อีกด้วย
"กรมธรรม์นี้ทำขึ้นมาขายผ่านแบงก์ ซึ่งช่องทางอื่่นก็จะต่างกันออกไปสำหรับสินค้านี้ เนื่องจากฐานลูกค้าแบงก์จะมีความแตกต่างและมีทุนประกันสูงกว่าช่องทางอื่น"นางสาวชลัฐกร
ด้านนายยุทธชัย เตยะราชกุล ผู้ช่วยกรรมการใหญ่บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารหลังจากมีความร่วมทางธุรกิจกับพรูเด็นเชียลจะสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ โดยเพิ่มขึดความสามารถของธนาคารในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านช่องทางอันหลากหลายของธนาคาร อีกทั้งยังช่วยผลักดันให้ธุรกิจเสนอขายประกันภัยผ่านธนาคารเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจานี้ยังเป็นโอกาสให้ลูกค้าของธนาคารสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางเงินของพรูเด็นเชียลได้มากขึ้นอีกด้วย
นางสาวชลัฐกร คมนียวนิช รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ บริษัทพรูเด็นเชียล จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ช่องทางการขายผ่านเทเลมาร์เก็ตติ้ง(การขายผ่านโทรศัพท์)ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจส่งผลให้มีลูกค้าที่เข้ามาสู่ระบบบัตรเครดิตน้อยลง โดยคาดว่าช่องทางนี้น่าจะใช้เวลาฟื้นตัวอีกประมาณ 2 ปีถึงจะกลับมามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น
"การที่มาร์เก็ตแชร์ของช่องทางเทเลเราตกลงจากการเป็นผู้นำมาอยู่ที่ 5 ในปัจจุบันไม่ใช่เพราะเราไม่ขยายแต่เป็นเพราะเศรษฐกิจ ซึ่่งถ้าฐานลูกค้าบัตรเครดิตโตเราก็จะโตตาม แต่ปีนี้เราก็ตั้งเป้าสำหรับช่องทางนี้ให้โต 15% เหมือนกัน"นางสาวชลัฐกรกล่าว
อย่างไรก็ตามถึงแม้ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทจะลดลง แต่อัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์กลับเพิ่มมากขึ้นมาอยู่ที่ 80% จากเดิมอยู่ที่ 50%-60% แสดงให้เห็นว่าสินค้าของบริษัทตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยลูกค้าในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานบริษัทที่มีความต้องการกรมธรรม์ที่ครอบคลุมทั้งการหักภาษี ผลตอบแทนจากการลงทุน การประกันชีวิต และการมีเงินคืนระหว่างอายุ ซึ่งสินค้าจะต้องเป็นที่น่าสนใจไม่เช่นนั้นจะเป็นการยากที่ลูกค้าจะยอมรับฟังการนำเสนอสินค้าในปัจจุบัน
ทั้งนี้ หลังจากนี้สิ่งที่บริษัทจะให้ความสำคัญหลังจากนี้คงเป็นข้อมูลฐานลูกค้าที่ทำร่วมกับพันธมิตร ส่วนด้านพนักงานรับโทรศัพท์ที่มีอยู่ประมาณ 150 คนคงจะไม่มีการปรับเพิ่ม แต่จะมีการพัฒนาเพื่อให้เหมาะสมกับช่องทางนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า โดยพนักงานของบริษัทจะต้องมีการพัฒนาศักยภาพตนเองและปฏิบัติหน้าที่ให้ได้ตามเกณฑ์ของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย(คปภ.)
นางสาวชลัฐกรกล่าวอีกว่า นอกจากช่องทางการจำหน่ายผ่านทางโทรศัพท์แล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับช่องทางอื่นด้วย โดยปัจจุบันสัดส่วนการขายของบริษัทจะแบ่งเป็นช่องทางขายผ่านธนาคาร 60% ทางเทเลมาร์เก็ตติ้ง 30% และช่องทางตัวแทน 10% ซึ่งช่องทางที่โดดเด่นมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นช่องทางธนาคารที่บริษัทได้จับมือเป็นพันธมิตรกับธนาคารยูโอบี ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาการขายผ่านช่องทางนี้มีการเติบโตในระดับที่สูงมาก และในปีนี้ก็น่าจะขยายตัวที่ประมาณ 15% เช่นกัน
ทั้่งนี้ ล่าสุดบริษัทยังได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขายผ่านช่องทางธนาคารด้วยความร่วมมือกับธนาคารยูโอบี โดยได้พัฒนาแบบประกันชีวิต"พรูเพอร์เฟ็คต์ แคร์"ที่ให้ความคุ้มครองทั้งชีวตืและสุขภาพจนถึงอายุ 80 ปีในกรมธรรม์เดียว เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในวัยเกษียณ
โดยกรมธรรม์ดังกล่าวจะให้ความคุ้มครองในเรื่องของการจ่ายค่าชดเชยค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย ตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และสามารถเบิกจ่ายเพิ่มเติมจากสิทธิค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ที่่มีอยู่ นอกจากนี้การจ่ายเบี้ยอัตราเดียวตลอดสัญญาจะช่วยผู้เอาประกันวางแผนการเงินได้ล่วงหน้าอย่างชัดเจน และเมื่อครบกำหนดสัญญาผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนตามจำนวนเงินเอาประกันภัย และยังสามารถนำเบี้ยประกันคุ้มครองชีวิตมาใช้สิทธิทางภาษีได้อีกด้วย
"กรมธรรม์นี้ทำขึ้นมาขายผ่านแบงก์ ซึ่งช่องทางอื่่นก็จะต่างกันออกไปสำหรับสินค้านี้ เนื่องจากฐานลูกค้าแบงก์จะมีความแตกต่างและมีทุนประกันสูงกว่าช่องทางอื่น"นางสาวชลัฐกร
ด้านนายยุทธชัย เตยะราชกุล ผู้ช่วยกรรมการใหญ่บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารหลังจากมีความร่วมทางธุรกิจกับพรูเด็นเชียลจะสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ โดยเพิ่มขึดความสามารถของธนาคารในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านช่องทางอันหลากหลายของธนาคาร อีกทั้งยังช่วยผลักดันให้ธุรกิจเสนอขายประกันภัยผ่านธนาคารเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจานี้ยังเป็นโอกาสให้ลูกค้าของธนาคารสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางเงินของพรูเด็นเชียลได้มากขึ้นอีกด้วย