เปิดผลงานกองทุนหุ้นรอบ 7 เดือน "บัวหลวง" โชว์เจ๋ง ส่งกองทุนจอดป้ายแชมป์สูงสุด โดยกองทุนเปิด "บัวหลวงธนคม" เอาชนะความผันผวน ฟันกำไรถึง 23.01% พร้อมส่ง แอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟ รั้งแชมป์ผลตอบแทนสูงสุดด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ถือว่าค่อนข้างผันผวนพอสมควร โดยเฉพาะช่วงก่อนเลือกตั้ง เนื่องจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างกังวลความไม่แน่นอนทางการเมือง ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา ยังมีความกงวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาหนี้เสียของกรุ่มประเทศในยุโรป การประท้วงทางการเมืองในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ จากปัจจัยลบดังกล่าว ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ผันผวนเป็นอย่างมาก แต่หลังจากผ่านการเลือกตั้งและได้ขั่วการเมืองที่จะเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมีเพิ่มมากขึ้น โดยจากการเปิดเผยของตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2554 - 29 ก.ค. 2554 นักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าการซื้อขายสะสมอยู่ที่ 23,193.72 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนกรกฎาคมเดือนเดียว พบว่ามีมูลค่าการซื้อขายสะสมถึง 37,870.62 ล้านบาท ซึ่งจากเงินไหลเข้าดังกล่าว ส่งผลให้กองทุนที่ลงทุนในหุ้นได้รับอานิสงส์ไปด้วย
จากแนวโน้มดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนในช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้น พบว่า กองทุนที่ให้ผลตอบแทน 10 อันดับแรก ส่วนใหญ่ยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าผลตอบแทนรวมของตลาดหลักทรัพย์ (Thailand SET TR) ที่ให้ผลตอบแทนในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 12.46%
ทั้งนี้ กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม ภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด โดยกองทุนดังกล่าวให้ผลตอบแทน 23.01% ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา
อันดับ 2 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิคปันผล ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ. กรุงศรี โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 7 เดือนของกองทุนอยู่ที่ 18.92% อันดับ 3 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิค ของบลจ.กรุงศรี อีกหนึ่งกองทุน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 18.62%
อันดับ 4. กองทุนเปิดบัวหลวงร่วมทุน ของบลจ.บัวหลวง กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 17.57% อันดับ 5. กองทุนเปิดบัวแก้ว ภายใต้การบริหารของบลจ.บัวหลวง ซึ่งให้ผลตอบแทน 16.65% อันดับ 6. กองทุนเปิดทรัพย์บัวหลวง ของบลจ.บัวหลวงอีกเช่นกัน โดยกองทุนให้ผลตอบแทน 16.58% อันดับ 7.กองทุนเปิดบัวแก้ว 2 ของบลจ.บัวหลวง กองทุนนี้ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 16.4%
อันดับ 8. กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอลแค็พ ของบลจ.อเบอร์ดีน ซึ่งให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 16.02% อันดับ 9. กองทุนเปิดบัวแก้วปันผล ของบลจ.บัวหลวง ด้วยผลตอบแทน 16% และอันดับ 10 กองทุนเปิดกองทุนเปิดกรุงไทย-ทรีนีตี้ปันผล ของบลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยผลตอบแทน 15.61%
ทั้งนี้ หากแยกออกเป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นด้วยเช่นกัน พบว่า กองทุนเปิดที่ให้ผลตอบแทน 5 อันดับแรกประกอบด้วย กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว ของบลจ.บัวหลวง ด้วยผลตอบแทน 17.64% อันดับ 2. กองทุนเปิดฟิลลิปหุ้นระยะยาว ของบลจ.ฟิลลิป ด้วยผลตอบแทน 15.66% อันดับ 3. กองทุนเปิด เอคควิตี้โปร หุ้นระยะยาว ของบลจ.ซีมิโก้ ด้วยผลตอบแทน 15.22%
อันดับ 4. กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 ของบลจ.บัวหลวง ด้วยผลตอบแทน 15.22% และอันดับ 5. กองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว ของบลจ.อเบอร์ดีน ด้วยผลตอบแทน 14.73%
ในขณะที่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น 5 อันดับ แรก ประกอบด้วย อันดับ 1. กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ของบลจ.บัวหลวง ด้วยผลตอบแทน 17.6% อันดับ 2 . กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ท แคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ ของบลจ.อเบอร์ดีน ด้วยผลตอบแทน 15.06% อันดับ 3. กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ ของบลจ.กรุงศรี ด้วยผลตอบแทน 13.74%
อันดับ 4. กองทุนเปิด JUMBO25 เพื่อการเลี้ยงชีพ ของบลจ. ทหารไทย ด้วยผลตอบแทน 13.35% และอันดับ 5 กองทุนเปิดกรุงศรี SET100 เพื่อการเลี้ยงชีพ ของบลจ.กรุงศรี ด้วยผลตอบแทน 12.22%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ถือว่าค่อนข้างผันผวนพอสมควร โดยเฉพาะช่วงก่อนเลือกตั้ง เนื่องจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างกังวลความไม่แน่นอนทางการเมือง ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา ยังมีความกงวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาหนี้เสียของกรุ่มประเทศในยุโรป การประท้วงทางการเมืองในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ จากปัจจัยลบดังกล่าว ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ผันผวนเป็นอย่างมาก แต่หลังจากผ่านการเลือกตั้งและได้ขั่วการเมืองที่จะเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมีเพิ่มมากขึ้น โดยจากการเปิดเผยของตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2554 - 29 ก.ค. 2554 นักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าการซื้อขายสะสมอยู่ที่ 23,193.72 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนกรกฎาคมเดือนเดียว พบว่ามีมูลค่าการซื้อขายสะสมถึง 37,870.62 ล้านบาท ซึ่งจากเงินไหลเข้าดังกล่าว ส่งผลให้กองทุนที่ลงทุนในหุ้นได้รับอานิสงส์ไปด้วย
จากแนวโน้มดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนในช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้น พบว่า กองทุนที่ให้ผลตอบแทน 10 อันดับแรก ส่วนใหญ่ยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าผลตอบแทนรวมของตลาดหลักทรัพย์ (Thailand SET TR) ที่ให้ผลตอบแทนในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 12.46%
ทั้งนี้ กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม ภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด โดยกองทุนดังกล่าวให้ผลตอบแทน 23.01% ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา
อันดับ 2 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิคปันผล ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ. กรุงศรี โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 7 เดือนของกองทุนอยู่ที่ 18.92% อันดับ 3 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิค ของบลจ.กรุงศรี อีกหนึ่งกองทุน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 18.62%
อันดับ 4. กองทุนเปิดบัวหลวงร่วมทุน ของบลจ.บัวหลวง กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 17.57% อันดับ 5. กองทุนเปิดบัวแก้ว ภายใต้การบริหารของบลจ.บัวหลวง ซึ่งให้ผลตอบแทน 16.65% อันดับ 6. กองทุนเปิดทรัพย์บัวหลวง ของบลจ.บัวหลวงอีกเช่นกัน โดยกองทุนให้ผลตอบแทน 16.58% อันดับ 7.กองทุนเปิดบัวแก้ว 2 ของบลจ.บัวหลวง กองทุนนี้ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 16.4%
อันดับ 8. กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอลแค็พ ของบลจ.อเบอร์ดีน ซึ่งให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 16.02% อันดับ 9. กองทุนเปิดบัวแก้วปันผล ของบลจ.บัวหลวง ด้วยผลตอบแทน 16% และอันดับ 10 กองทุนเปิดกองทุนเปิดกรุงไทย-ทรีนีตี้ปันผล ของบลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยผลตอบแทน 15.61%
ทั้งนี้ หากแยกออกเป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นด้วยเช่นกัน พบว่า กองทุนเปิดที่ให้ผลตอบแทน 5 อันดับแรกประกอบด้วย กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว ของบลจ.บัวหลวง ด้วยผลตอบแทน 17.64% อันดับ 2. กองทุนเปิดฟิลลิปหุ้นระยะยาว ของบลจ.ฟิลลิป ด้วยผลตอบแทน 15.66% อันดับ 3. กองทุนเปิด เอคควิตี้โปร หุ้นระยะยาว ของบลจ.ซีมิโก้ ด้วยผลตอบแทน 15.22%
อันดับ 4. กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 ของบลจ.บัวหลวง ด้วยผลตอบแทน 15.22% และอันดับ 5. กองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว ของบลจ.อเบอร์ดีน ด้วยผลตอบแทน 14.73%
ในขณะที่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น 5 อันดับ แรก ประกอบด้วย อันดับ 1. กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ของบลจ.บัวหลวง ด้วยผลตอบแทน 17.6% อันดับ 2 . กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ท แคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ ของบลจ.อเบอร์ดีน ด้วยผลตอบแทน 15.06% อันดับ 3. กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ ของบลจ.กรุงศรี ด้วยผลตอบแทน 13.74%
อันดับ 4. กองทุนเปิด JUMBO25 เพื่อการเลี้ยงชีพ ของบลจ. ทหารไทย ด้วยผลตอบแทน 13.35% และอันดับ 5 กองทุนเปิดกรุงศรี SET100 เพื่อการเลี้ยงชีพ ของบลจ.กรุงศรี ด้วยผลตอบแทน 12.22%