xs
xsm
sm
md
lg

ทองคำยังให้ผลตอบแทนเยี่ยม ทีเอ็มบีชี้โลหะเงินเหมาะลงทุนสั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฝ่ายวิจัยทีเอ็มบีชี้ ผลตอบแทนโลหะเงินและทองคำ เคลื่อนไหวตามกัน แต่ทองคำสูงและมีความเสี่ยงต่ำกว่า แนะทองเหมาะสมกับการลงทุนยาว และโลหะ เหมาะกับการลงทุนระยะสั้น

ฝ่ายวิจัยทีเอ็มบี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมาเริ่มมีการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับราคาโลหะเงินเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นโลหะมีค่าชนิดที่สองต่อจากทองคำที่เปิดให้มีการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ อย่างไรก็ดี ในแง่ของโลหะมีค่าแล้ว ทองคำและโลหะเงินมีส่วนเหมือนและแตกต่างกันอยู่บางประการ ซึ่งนักลงทุนควรทำความเข้าใจก่อนการลงทุน

อย่างไรก็ตาม โลหะเงินมีความนิยมน้อยกว่าทองคำ ทั้งในบทบาทของการลงทุนและการใช้เป็นเครื่องประดับ ข้อมูลปี 2010 ความต้องการทองคำรวมทั้งโลกมีจำนวนทั้งสิ้น 128 million Troy oz (1 tonnes = 32,150.75 troy oz) ขณะที่โลหะเงินมีจำนวน 1,057 million Troy oz ซึ่งมากกว่าทองคำถึง 8 เท่า แต่ความต้องการโลหะเงินกว่าครึ่งนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ทองคำนำไปเพื่อผลิตเป็นเครื่องประดับและลงทุนเป็นส่วนใหญ่

ทั้งนี้ ผลตอบแทนจากโลหะเงินและทองคำเคลื่อนไหวตามกัน แต่ทองคำให้ผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงต่ำกว่า จากข้อมูลในตลาดโลกย้อนไปถึงปี 1996 จนถึงปัจจุบัน พบว่าระยะยาวแล้วผลตอบแทนของโลหะทั้งสองจะปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันโดยมีค่าสหสัมพันธ์ที่ 0.67 แต่ทั้งนี้โลหะเงินจะให้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่ประมาณร้อยละ 6.8 ต่อปี ขณะที่ทองคำให้ผลตอบแทนร้อยละ 9 ต่อปี ในแง่ความเสี่ยง ผลตอบแทนจากโลหะเงินมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ที่ร้อยละ 24 ซึ่งสูงกว่าทองคำที่มีค่าร้อยละ 15 แสดงให้เห็นว่า การลงทุนในโลหะเงินให้ผลตอบแทนต่ำแต่กลับผันผวนกว่าทองคำ ดังนั้นในแง่ผลตอบบแทนจึงเหมาะกับการลงทุนเพื่อการเก็งกำไรมากกว่าลงทุนระยะยาว

นอกจากนี้โลหะเงินและทองคำสามารถทดแทนกันได้ในแง่ของการลงทุน นักลงทุนบางกลุ่มใช้ตัวชี้วัดที่เรียกว่า Gold-Silver Ratio ซึ่งบอกถึงสัดส่วนระหว่างราคาทองคำเทียบกับราคาโลหะเงิน เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อขายทองคำและโลหะเงิน โดยหลักการตัดสินใจอยู่ที่ว่าหาก Gold-Silver Ratio สูงกว่าระดับหนึ่งจะถือว่าทองคำแพงเกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน นักลงทุนก็จะขายทองคำแล้วหันมาซื้อโลหะเงินแทน แต่หาก Gold-Silver Ratio ต่ำกว่าระดับหนึ่งแปลว่าราคาทองคำถูกเกินไป ก็จะขายโลหะเงินแล้วหันมาถือทองคำ พฤติกรรมการลงทุนเช่นนี้แสดงถึงคุณสมบัติการทนแทนกันในระยะสั้นของโลหะทั้งสองในสายตานักลงทุน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเศรษฐกิจดีโลหะเงินมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนสูงกว่าทองคำ หากเปรียบเทียบการขยายตัวของการผลิตทั้งโลก ซึ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจโลก กับส่วนต่างของผลตอบแทนจากทองคำและโลหะเงิน จะพบว่ามีความสัมพันธ์ในทางลบสูงถึงร้อยละ 50 แสดงว่าเศรษฐกิจดีการถือโลหะเงินจะได้ผลตอบแทนสูงกว่าทองคำ ในทางกลับกันหากเศรษฐกิจแย่ทองคำจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าโลหะเงิน

ทั้งนี้ ทองคำทำหน้าที่สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง หรือ safe-haven asset ได้ดีกว่าโลหะเงิน ความสัมพันธ์ทางลบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ เกิดจากความผันผวนของราคาโลหะเงินที่รุนแรงกว่าทองคำ เนื่องจากคุณสมบัติของทองคำที่เป็น safe-haven asset ทำให้ทองคำมีสามารถรักษามูลค่าได้ค่อนข้างดีในช่วงเศรษฐกิจขาลง ขณะที่โลหะเงินจะมีมูลค่าลดลงมาก ในทางกลับกันช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นนักลงทุนจะเริ่มมองหาสินทรัพย์อื่นที่มีความเสี่ยงมากขึ้น จึงทำให้ราคาโลหะเงินพุ่งสูงขึ้นเร็วกว่าทองคำได้ ข้อเท็จจริงนี้แสดงให้เห็นว่า โลหะเงินยังไม่สามารถทดแทนทองคำในแง่ของสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ปลอดภัยได้
กำลังโหลดความคิดเห็น