บลจ. ตบเท้าคลอดกองทุนบอนด์ เพิ่มทางเลือกลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนบอนด์ 3 กองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศได้แก่ กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 112 หรือ T-FixFIF 112 อายุเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนโดยประมาณการ 3.10% ต่อปี โดยเริ่มเปิดไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ - 14 มิถุนายน 2554
โดยกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรเกาหลี หรือธนาคารแห่งชาติเกาหลี หรืออาจจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอิสราเอล อายุ 6 เดือนในสัดส่วน 55.9% โดยผลตอบแทนประมาณการที่จะได้รับจากการลงทุน 1.78% ต่อปี ขณะเดียวกันกองทุนจะเข้าไปลงทุนในสกุลเงิน CNH ธนาคารต่างประเทศในฮ่องกง หรือเงินฝากใน UAE โดยสัดส่วนที่จะเข้าไปลงทุนประมาณ 44% ซึ่งผลตอบแทนที่จะได้รับประมาณการอยู่ที่ 1.56% และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ สัดส่วนที่จะเข้าไปลงทุนประมาณ 0.10%
ส่วนกองทุนที่ลงทุนในประเทศได้แก่ กองทุนเปิดเปิดธนชาตตราสารสารหนี้ 15 หรือ TFIX 15 อายุ 3 เดือน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 2.65% และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 16 หรือ TFIX อายุ 12 เดือน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 3.1% ซึ่งเริ่มเปิดไอพีโอแล้ววันนี้ ถึง 13 มิถุนายน 2554
โดยกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 15 จะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่สัดส่วน 39.9% ซึ่งประมาณการผลตอบแทน 1.06% รวมถึงจะเข้าไปลงทุนในตราสารระยะสั้นภาคเอกชนที่สัดส่วน 60% ซึ่งประมาณการผลตอบแทน 1.72% และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่สัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 1.25% ให้ผลตอบแทนประมาณที่จะเข้าไปลงทุนที่ 0.0011%
ขณะที่กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 16 จะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่สัดส่วน 55% ซึ่งประมาณการผลตอบแทน 1.72% รวมถึงจะเข้าไปลงทุนในตราสารระยะสั้นภาคเอกชนที่สัดส่วน 44.9% ซึ่งประมาณการผลตอบแทน 1.45% และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่สัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 0.10% ให้ผลตอบแทนประมาณที่จะเข้าไปลงทุนที่ 0.0011%
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเปิดไอพีโอกองทุนเปิดพรินซิเพิล ตราสารหนี้ 6M6 หรือ CIMB - PRINCIPAL FIX 6M6 โดยกองทุนมีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุ 6 เดือน เริ่มขายแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 14 มิถุนายน 2554
โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่เสนอขายในประเทศ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยแลเงินต้นสูง โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. รวมทั้งเงินฝากหรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุญาตให้กองทุนลงทุนได้
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น กองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอ พลัส พลัส 12/1(UOBFIPP 12/1) อายุโคงการประมาณ 12 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ลงทุนใตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศทีมีอันดับความน่าเชือถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ตัวอย่างเช่น พันธบัตรัฐบาล ตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ เงินฝากในธนาคารพาณิชย์ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนทั่วไป เปิดขายครั้งแรกและครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 7-13 มิถุนายน 2554
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนบอนด์ 3 กองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศได้แก่ กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 112 หรือ T-FixFIF 112 อายุเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนโดยประมาณการ 3.10% ต่อปี โดยเริ่มเปิดไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ - 14 มิถุนายน 2554
โดยกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรเกาหลี หรือธนาคารแห่งชาติเกาหลี หรืออาจจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอิสราเอล อายุ 6 เดือนในสัดส่วน 55.9% โดยผลตอบแทนประมาณการที่จะได้รับจากการลงทุน 1.78% ต่อปี ขณะเดียวกันกองทุนจะเข้าไปลงทุนในสกุลเงิน CNH ธนาคารต่างประเทศในฮ่องกง หรือเงินฝากใน UAE โดยสัดส่วนที่จะเข้าไปลงทุนประมาณ 44% ซึ่งผลตอบแทนที่จะได้รับประมาณการอยู่ที่ 1.56% และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ สัดส่วนที่จะเข้าไปลงทุนประมาณ 0.10%
ส่วนกองทุนที่ลงทุนในประเทศได้แก่ กองทุนเปิดเปิดธนชาตตราสารสารหนี้ 15 หรือ TFIX 15 อายุ 3 เดือน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 2.65% และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 16 หรือ TFIX อายุ 12 เดือน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 3.1% ซึ่งเริ่มเปิดไอพีโอแล้ววันนี้ ถึง 13 มิถุนายน 2554
โดยกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 15 จะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่สัดส่วน 39.9% ซึ่งประมาณการผลตอบแทน 1.06% รวมถึงจะเข้าไปลงทุนในตราสารระยะสั้นภาคเอกชนที่สัดส่วน 60% ซึ่งประมาณการผลตอบแทน 1.72% และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่สัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 1.25% ให้ผลตอบแทนประมาณที่จะเข้าไปลงทุนที่ 0.0011%
ขณะที่กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 16 จะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่สัดส่วน 55% ซึ่งประมาณการผลตอบแทน 1.72% รวมถึงจะเข้าไปลงทุนในตราสารระยะสั้นภาคเอกชนที่สัดส่วน 44.9% ซึ่งประมาณการผลตอบแทน 1.45% และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่สัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 0.10% ให้ผลตอบแทนประมาณที่จะเข้าไปลงทุนที่ 0.0011%
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเปิดไอพีโอกองทุนเปิดพรินซิเพิล ตราสารหนี้ 6M6 หรือ CIMB - PRINCIPAL FIX 6M6 โดยกองทุนมีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุ 6 เดือน เริ่มขายแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 14 มิถุนายน 2554
โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่เสนอขายในประเทศ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยแลเงินต้นสูง โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. รวมทั้งเงินฝากหรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุญาตให้กองทุนลงทุนได้
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น กองทุนเปิด ยูโอบี เอฟไอ พลัส พลัส 12/1(UOBFIPP 12/1) อายุโคงการประมาณ 12 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ลงทุนใตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศทีมีอันดับความน่าเชือถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ตัวอย่างเช่น พันธบัตรัฐบาล ตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ เงินฝากในธนาคารพาณิชย์ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนทั่วไป เปิดขายครั้งแรกและครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 7-13 มิถุนายน 2554
