บลจ. บัวหลวง เตรียมคลอด "บัวหลวงไชน่าทริกเกอร์ 15%" เน้นลงทุน 18 เดือน เน้นลงทุนกลุ่มไอแชร์ เริ่มไอพีโอวันที่ 9 - 18 พ.ค. นี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดได้รับรู้ปัจจัยลบต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ การขึ้นอัตราดอกเบี้ย มาตรการคุมเข้มอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนในปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าเข้าลงทุน เนื่องจากได้ปรับตัวลดลงมาประมาณ 42.9% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงปลายปี 2550 ทั้งนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนปัจจุบันมีค่าพีอีประมาณ 15.01 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ประมาณ 20.55 เท่า ในขณะที่ค่าต่ำสุดและสูงสุดอยู่ที่ 10.89 เท่า และ 43.18 เท่า ตามลำดับ ข้อมูลจากข้อมูลของ Bloomberg ระหว่างวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2549 - 12 เมษายน พ.ศ. 2554
ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดบัวหลวงไชน่าทริกเกอร์ 15% ในระหว่างวันที่ 9 -18 พฤษภาคม นี้ มีขนาดกองทุน 500 ล้านบาท โดยกองทุนมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการสร้างผลตอบแทน 15% ให้แก่ผู้ลงทุนให้ได้ภายใน 18 เดือน หากสร้างผลตอบแทนได้ถึงเป้าหมายก่อน 18 เดือน ก็จะเลิกโครงการ และคืนเงินต้นและผลตอบแทนให้นักลงทุน และหากครบ 18 เดือน ยังไม่ถึงเป้าหมาย ก็จะยกเลิกโครงการคืนเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยตามมูลค่าในวันนั้น ซึ่งอาจจะมาก หรือน้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกที่หน่วยละ 10 บาท ก็ได้
โดย บลจ.บัวหลวง จะบริหารกองทุนโดยเน้นการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมของประเทศจีน ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ลงทุนในขณะนั้นๆ โดยจะลงทุนผ่าน ‘กองทุนรวมอีทีเอฟกลุ่ม iShare ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในประเทศฮ่องกง
สำหรับกองทุนรวมกลุ่ม iShare จัดตั้งและบริหารจัดการโดย BlackRock Asset Management บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำของโลก เป็นกองทุนที่มีวัตถุประสงค์การบริหารเพื่อสร้างผลตอบแทนให้เป็นไปตามดัชนีอ้างอิง ซึ่งคำนวณมาจากราคาหุ้นในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ซึ่งดัชนีอ้างอิงในที่นี้ได้แก่ China Securities Index 300 (CSI-300) ที่ประกอบด้วยหุ้นที่มูลค่าตลาดสูงสุด 300 ตัว ครอบคลุมประมาณ 70% ของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น และดัชนีรายภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โครงสร้างพื้นฐาน วัตถุดิบ สถาบันการเงิน พลังงาน เป็นต้น ซึ่งสะท้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนได้เป็นอย่างดี
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดได้รับรู้ปัจจัยลบต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ การขึ้นอัตราดอกเบี้ย มาตรการคุมเข้มอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนในปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าเข้าลงทุน เนื่องจากได้ปรับตัวลดลงมาประมาณ 42.9% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงปลายปี 2550 ทั้งนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนปัจจุบันมีค่าพีอีประมาณ 15.01 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ประมาณ 20.55 เท่า ในขณะที่ค่าต่ำสุดและสูงสุดอยู่ที่ 10.89 เท่า และ 43.18 เท่า ตามลำดับ ข้อมูลจากข้อมูลของ Bloomberg ระหว่างวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2549 - 12 เมษายน พ.ศ. 2554
ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดบัวหลวงไชน่าทริกเกอร์ 15% ในระหว่างวันที่ 9 -18 พฤษภาคม นี้ มีขนาดกองทุน 500 ล้านบาท โดยกองทุนมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการสร้างผลตอบแทน 15% ให้แก่ผู้ลงทุนให้ได้ภายใน 18 เดือน หากสร้างผลตอบแทนได้ถึงเป้าหมายก่อน 18 เดือน ก็จะเลิกโครงการ และคืนเงินต้นและผลตอบแทนให้นักลงทุน และหากครบ 18 เดือน ยังไม่ถึงเป้าหมาย ก็จะยกเลิกโครงการคืนเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยตามมูลค่าในวันนั้น ซึ่งอาจจะมาก หรือน้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกที่หน่วยละ 10 บาท ก็ได้
โดย บลจ.บัวหลวง จะบริหารกองทุนโดยเน้นการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมของประเทศจีน ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ลงทุนในขณะนั้นๆ โดยจะลงทุนผ่าน ‘กองทุนรวมอีทีเอฟกลุ่ม iShare ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในประเทศฮ่องกง
สำหรับกองทุนรวมกลุ่ม iShare จัดตั้งและบริหารจัดการโดย BlackRock Asset Management บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำของโลก เป็นกองทุนที่มีวัตถุประสงค์การบริหารเพื่อสร้างผลตอบแทนให้เป็นไปตามดัชนีอ้างอิง ซึ่งคำนวณมาจากราคาหุ้นในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ซึ่งดัชนีอ้างอิงในที่นี้ได้แก่ China Securities Index 300 (CSI-300) ที่ประกอบด้วยหุ้นที่มูลค่าตลาดสูงสุด 300 ตัว ครอบคลุมประมาณ 70% ของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น และดัชนีรายภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โครงสร้างพื้นฐาน วัตถุดิบ สถาบันการเงิน พลังงาน เป็นต้น ซึ่งสะท้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนได้เป็นอย่างดี