ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.แอสเซทพลัส ตั้งเป้าดันกองทุนส่วนบุคคล สัดส่วนเท่ากองทุนรวม หวังหนีการแข่งขัน ที่บลจ.ขนาดใหญ่ เป็นเจ้ากองทุนรวมอยู่แล้ว โดยปีนี้ตั้งเป้าโตอีก 100%
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาค กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซทพลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์ของธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลให้อยู่ระดับ 50% เท่าๆกัน จากปัจจุบันกองทุนรวมอยู่ที่ 70% และกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 30% โดยกองทุนส่วนบุคคลมีสินทรัพย์ประมาณ 7 พันล้านบาทและกองทุนรวมอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบันบลจ.ที่อยู่ในอุตสาหกรรมกองทุนรวมมีประมาณ 20 กว่าบริษัท โดยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 95% เป็นของ 12 บลจ.ขนาดใหญ่ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน ที่เหลือ 5% เป็นบริษัทลูกของบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันและบลจ.จากต่างประเทศ ดังนั้นการเติบโตของบริษัทน่าจะมีศักยภาพในธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลมากกว่ากองทุนรวมที่ยังมุ่งเน้นเสนอขายกองทุนตราสารหนี้และกองทุนรวมตลาดเงินหรือมันนี่ มาร์เก็ตเป็นหลัก
“ปีนี้คาดว่าสินทรัพย์ในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลน่าจะเติบโตประมาณ 100% เช่นเดียวกับปี 2553 โดยบริษัทจะเจาะกลุ่มลูกค้าบุคคลรายย่อยมากขึ้น รวมทั้งลูกค้าสถาบันที่เป็นบริษัทเอกชน บริษัทประกันเพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้บริษัทก็มีลูกค้าที่เป็นมหาวิทยาลัยเข้ามาบ้างแล้ว เบื้องต้นน่าจะทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นแตะหมื่นล้านบาทได้”นางลดาวรรณ กล่าว
นางลดาวรรณ กล่าวว่า ในส่วนของกองทุนรวมแม้จะมีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์น้อยกว่ากองทุนส่วนบุคคล แต่บริษัทจะขยายไปยังกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงขึ้นอย่างกองทุนหุ้น ที่เน้นการบริหารจัดการในเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทน ล่าสุดบริษัทได้ออกกองทุนลงทุนหุ้นชั้นนำทั่วโลก บริหารจัดการเองทำให้คล่องตัวในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน ต่างจากบลจ.อื่นๆ ที่จะลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศอีกทอดหนึ่ง
สำหรับเป้าหมายสินทัรพย์ในสิ้นปี 2554 ที่ตั้งไว้ที่ 3.5 หมื่นล้านบาทนั้นมีโอกาสที่จะปรับเป้าใหม่ จากที่มองตลาดว่าจะผันผวนและทำให้สินทรัพย์เพิ่มไม่มาก แต่ปัจจุบันยังขยายตัวเพิ่มขึ้น
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาค กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซทพลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์ของธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลให้อยู่ระดับ 50% เท่าๆกัน จากปัจจุบันกองทุนรวมอยู่ที่ 70% และกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 30% โดยกองทุนส่วนบุคคลมีสินทรัพย์ประมาณ 7 พันล้านบาทและกองทุนรวมอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบันบลจ.ที่อยู่ในอุตสาหกรรมกองทุนรวมมีประมาณ 20 กว่าบริษัท โดยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 95% เป็นของ 12 บลจ.ขนาดใหญ่ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน ที่เหลือ 5% เป็นบริษัทลูกของบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันและบลจ.จากต่างประเทศ ดังนั้นการเติบโตของบริษัทน่าจะมีศักยภาพในธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลมากกว่ากองทุนรวมที่ยังมุ่งเน้นเสนอขายกองทุนตราสารหนี้และกองทุนรวมตลาดเงินหรือมันนี่ มาร์เก็ตเป็นหลัก
“ปีนี้คาดว่าสินทรัพย์ในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลน่าจะเติบโตประมาณ 100% เช่นเดียวกับปี 2553 โดยบริษัทจะเจาะกลุ่มลูกค้าบุคคลรายย่อยมากขึ้น รวมทั้งลูกค้าสถาบันที่เป็นบริษัทเอกชน บริษัทประกันเพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้บริษัทก็มีลูกค้าที่เป็นมหาวิทยาลัยเข้ามาบ้างแล้ว เบื้องต้นน่าจะทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นแตะหมื่นล้านบาทได้”นางลดาวรรณ กล่าว
นางลดาวรรณ กล่าวว่า ในส่วนของกองทุนรวมแม้จะมีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์น้อยกว่ากองทุนส่วนบุคคล แต่บริษัทจะขยายไปยังกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงขึ้นอย่างกองทุนหุ้น ที่เน้นการบริหารจัดการในเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทน ล่าสุดบริษัทได้ออกกองทุนลงทุนหุ้นชั้นนำทั่วโลก บริหารจัดการเองทำให้คล่องตัวในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน ต่างจากบลจ.อื่นๆ ที่จะลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศอีกทอดหนึ่ง
สำหรับเป้าหมายสินทัรพย์ในสิ้นปี 2554 ที่ตั้งไว้ที่ 3.5 หมื่นล้านบาทนั้นมีโอกาสที่จะปรับเป้าใหม่ จากที่มองตลาดว่าจะผันผวนและทำให้สินทรัพย์เพิ่มไม่มาก แต่ปัจจุบันยังขยายตัวเพิ่มขึ้น