บลจ. ธนชาต รับสึนามิกระทบกองทุนเปิดธนชาตพรีเมียม แบรนดส์ฟันด์ หลังญี่ปุ่นเป็นกลุ่มการซื้อขายขนาดใหญ่ แต่เป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ได้จีนยักษ์ใหญ่ด้านเศรษฐกิจช่วยเสริมทัพกระตุ้นการซื้อขายขยับเพิ่มขึ้นไร้ปัญหา ล่าสุดเตรียมจ่ายปันผลให้ผู้ถือหน่วย 0.40 บาท นักลงทุนเตรียมรับพร้อมกัน 25 มี.ค. นี้
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และคลื่นสึนามิ ที่เกิดขึ้นกับประเทศญี่ปุ่น เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ยอมรับว่ากองทุนเปิดธนชาตพรีเมียม แบรนดส์ฟันด์ได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อย ในระยะเวลาช่วงสั้น ๆ เนื่องจากว่าตลาดซื้อขายของญี่ปุ่นจัดว่าเป็นตลาดใหญ่พอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นช่วงระยะเวลาไม่นานมากนัก เพราะตลาดเกิดใหม่ในเเอเชียยังมีประเทศจีนที่มีกำลังการซื้อขายที่มาทดแทนกัน
"ราคาหุ้นสินค้าแบรนด์เนม เปิดการซื้อขายมีการปรับตัวลดลงมาจากความกังวล ต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งอาจจะกระทบต่อกำลังซื้อสินค้าแบรนด์เนมจากกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น โดยราคาสินค้าแบรนด์เนมมีการปรับตัวลดลงมาพอสมควร อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อสินค้ากลุ่มดังกล่าว จากลูกค้าชาวจีนและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย ทำให้การลงทุนในธุรกิจแบรนด์เนมยังเป็นที่น่าสนใจ " นายบุญชัย กล่าว
นายบุญชัย กล่าวต่อว่า ถึงอย่างไรก็ตามการลงทุนในกองทุนดังกล่าวยังมีความน่าสนใจอยู่มากเ นื่องจากเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่กำลังซื้อจากตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ก็ยังเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้ผลประกอบการของธุรกิจเหล่านั้นยังมีแนวโน้มเติบโตต่อไปได้ ซึ่งทำให้หลายหวงเรื่องของการลงทุนต่อไปได้
ล่าสุด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนเปิดธนชาตพรีเมียม แบรนดส์ฟันด์ มีมติในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาจ่ายผลตอบแทนกองทุนครั้งที่ 13/2554 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ให้จ่ายเงินปันผลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 ในอัตราหน่วยละ 0.40 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 25 มีนาคม 2554 นี้
โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน PICTET FUNDS(LUX)-PREMIUM BRANDS ซึ่งจดทะเบียนในประเทศ ลักเซมเบิร์ก และเน้นลงทุนในหุ้นของกลุ่มธุรกิจสินค้าหรือบริการที่มีการวางตำแหน่งสินค้าอยู่ในระดับบนหรือพรีเมี่ยม โดยมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อแสวงหาการเติบโตของเงินลงทุน โดยไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารทุนกลุ่มธุรกิจสินค้าหรือบริการที่มีการวางตำแหน่งสินค้าหรือบริการอยู่ในระดับบน ซึ่งสินค้าหรือบริการเหล่านี้เป็นสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพสูง โดยบริษัทหรือกิจการดังกล่าวได้รับประโยชน์ทางการตลาดหรือมีความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น มีจุดแข็งด้านการรับรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือการบริการของผู้บริโภค เนื่องจากสามารถเป็นผู้กำหนดหรือเป็นผู้มีอิทธิพลในการกำหนดแนวโน้มหรือกระแสความนิยมของผู้บริโภค
