บลจ.ยูโอบี ชวน ลงทุนทองคำ เตรียมเปิด IPO "ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ แอนด์ ไมน์นิ่ง" (UOBAGM) 24 ก.พ. - 7 มี.ค. นี้ เน้นหุ้นบริษัทที่ผลิตทองคำและเหมืองแร่ทั่วโลก ชู จุดเด่น บริษัทที่แข็งแกร่งมีกำไรจากผลประกอบการและจากราคาทองที่สูงขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด รายงานสถานการณ์และความน่าสนใจของการลงทุนในทองคำว่า เศรษฐกิจโลกในขณะนี้ที่เริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นมา ส่งผลให้สินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจขณะนี้คือ การลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ โดยมีการปรับกาาคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะเดียวกันประชาชนก็มีอำนาจในการใช้จ่ายที่มากขึ้น ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในทองคำมากขึ้น โดยที่ทองคำนั้น ความต้องการหลักในขณะนี้คือความต้องการในการลงทุน ซึ่งเพิ่มมากขึ้นทั้งลงทุนในทองคำแท่ง และลงทุนในกองทุน อีทีเอฟ
ทั้งนี้แม้ในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจนั้น ประเทศจีนและอินเดีย ยังมีการนำเข้าทองคำอยู่ในระดับปกติ โดยตั้งแต่ต้นปี 2553 ถึงเดือนพฤษจิกายน 2553 รวมกันอยู่ที่ประมาณ 247 ตัน และไม่มท่าทีว่าจะลดลง ขณะที่การลงทุนในกองทุน อีทีเอฟ ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันอยู่ระดับ 2,000 ตัน นอกจากนี้ปัจจัยหนุนที่ทำใหราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก คือ ความต้องการทองคำเพิ่มมากขึ้นของธนาคารกลางทั่วโลก ที่ต้องการเก็บทองคำมากขึ้นควบคู่ไปกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่จำนวนทองคำทั่วโลกนั้นมีอยู่ในจำนวนจำกัด
สำหรับ บลจ. ยูโอบี เตรียมเปิดขาย ไอพีโอ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ แอนด์ ไมน์นิ่ง (UOBAGM) ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม 2554 กองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท มีนโยบายการลงทุนใน กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรมที่มุ่งลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงในกลุ่มอุตสาหกรรมการทำเหมืองแร่หรือถลุงแร่ทองคำ (Gold and Mining Sector Fund) โดยเน้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน United Gold & General ซึ่งจัดตั้งและบริหารจัดการโดย UOB Asset Management (Singapore)
โดย 10 อันดับบริษัทที่ลงทุนได้แก่ Barrick Gold Corp, Kinross Gold Corp, Newmont Mining Corp , Freeport-Mcmoran Copper & Gold, Yamana Gold Inc, Goldcorp Inc , Agnico-Eagle Mines, Newcrest Mining , Anglogold Ashanti Ltd ,
ขณะที่ สัดส่วนการลงทุนอยู่ในประเทศต่างๆ ได้แก่ Canada 37.22% , United States 22.00%, Australia 17.18%, United Kingdom 8.35%, South Africa 3.75%, Germany 2.74%, Others 5.57%, Cash 3.19%
บลจ. ยูโอบี ระบุว่า ข้อแตกต่างระหว่างการลงทุนในทองคำแท่ง และการลงทุนในหุ้นของเหมืองทองคำนี้ การลงทุนในทองคำแท่งจะรอลุ้นเก็งกำไรจากราคาที่ขึ้นลงเท่านั้น ขณะที่การลงทุนในหุ้นของเหมืองทองคำนั้น มีข้อดีคือ ต้นทุนการผลิตของบริษัทนั้นคงที่ หากราคาทองคำขึ้นสูงก็ได้กำไรมากขึ้นและการอัตราการจ่ายปันผลที่ดีด้วย รวมถึงการหาแหล่งผลิตใหม่ใหม่ๆด้วย แต่อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงอยู่บ้างหากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำทรงตัว แต่มองแนวโน้มว่าดอกเบี้ยในขณะนี้ยังไม่เพิ่มขึ้นเร็วนัก
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด รายงานสถานการณ์และความน่าสนใจของการลงทุนในทองคำว่า เศรษฐกิจโลกในขณะนี้ที่เริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นมา ส่งผลให้สินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจขณะนี้คือ การลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ โดยมีการปรับกาาคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะเดียวกันประชาชนก็มีอำนาจในการใช้จ่ายที่มากขึ้น ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในทองคำมากขึ้น โดยที่ทองคำนั้น ความต้องการหลักในขณะนี้คือความต้องการในการลงทุน ซึ่งเพิ่มมากขึ้นทั้งลงทุนในทองคำแท่ง และลงทุนในกองทุน อีทีเอฟ
ทั้งนี้แม้ในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจนั้น ประเทศจีนและอินเดีย ยังมีการนำเข้าทองคำอยู่ในระดับปกติ โดยตั้งแต่ต้นปี 2553 ถึงเดือนพฤษจิกายน 2553 รวมกันอยู่ที่ประมาณ 247 ตัน และไม่มท่าทีว่าจะลดลง ขณะที่การลงทุนในกองทุน อีทีเอฟ ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันอยู่ระดับ 2,000 ตัน นอกจากนี้ปัจจัยหนุนที่ทำใหราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก คือ ความต้องการทองคำเพิ่มมากขึ้นของธนาคารกลางทั่วโลก ที่ต้องการเก็บทองคำมากขึ้นควบคู่ไปกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่จำนวนทองคำทั่วโลกนั้นมีอยู่ในจำนวนจำกัด
สำหรับ บลจ. ยูโอบี เตรียมเปิดขาย ไอพีโอ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ แอนด์ ไมน์นิ่ง (UOBAGM) ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม 2554 กองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท มีนโยบายการลงทุนใน กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรมที่มุ่งลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงในกลุ่มอุตสาหกรรมการทำเหมืองแร่หรือถลุงแร่ทองคำ (Gold and Mining Sector Fund) โดยเน้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน United Gold & General ซึ่งจัดตั้งและบริหารจัดการโดย UOB Asset Management (Singapore)
โดย 10 อันดับบริษัทที่ลงทุนได้แก่ Barrick Gold Corp, Kinross Gold Corp, Newmont Mining Corp , Freeport-Mcmoran Copper & Gold, Yamana Gold Inc, Goldcorp Inc , Agnico-Eagle Mines, Newcrest Mining , Anglogold Ashanti Ltd ,
ขณะที่ สัดส่วนการลงทุนอยู่ในประเทศต่างๆ ได้แก่ Canada 37.22% , United States 22.00%, Australia 17.18%, United Kingdom 8.35%, South Africa 3.75%, Germany 2.74%, Others 5.57%, Cash 3.19%
บลจ. ยูโอบี ระบุว่า ข้อแตกต่างระหว่างการลงทุนในทองคำแท่ง และการลงทุนในหุ้นของเหมืองทองคำนี้ การลงทุนในทองคำแท่งจะรอลุ้นเก็งกำไรจากราคาที่ขึ้นลงเท่านั้น ขณะที่การลงทุนในหุ้นของเหมืองทองคำนั้น มีข้อดีคือ ต้นทุนการผลิตของบริษัทนั้นคงที่ หากราคาทองคำขึ้นสูงก็ได้กำไรมากขึ้นและการอัตราการจ่ายปันผลที่ดีด้วย รวมถึงการหาแหล่งผลิตใหม่ใหม่ๆด้วย แต่อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงอยู่บ้างหากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำทรงตัว แต่มองแนวโน้มว่าดอกเบี้ยในขณะนี้ยังไม่เพิ่มขึ้นเร็วนัก