บลจ.ทิสโก้ สุดปลื้ม 2 กองทุนหุ้นกู้ปิดกองได้ก่อนกำหนด หลังผลงานเข้าเป้า 4% กว่า เหตุราคาหุ้นกู้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จ่อคลอดกองเกาหลี อายุโครงการ 1 ปี 9 เดือนมารองรับ เอาใจนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบลจ.ทิสโก้ เสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11 และ กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 12 ซึ่งมีนโยบายมุ่งรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชนในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้ผลตอบแทนของทั้ง 2 กองทุนปรับขึ้นเข้าเงื่อนไขการเลิกโครงการได้ก่อนกำหนด โดยมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 10.4236 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 12 เพิ่มขึ้นเป็น 10.4231 บาทต่อหน่วย ทำให้สามารถเลิกกองทุนได้ก่อนกำหนด ซึ่งใช้เวลาเพียง 11 เดือน และ 9 เดือน ตามลำดับ เท่านั้นโดยสามารถให้ผลตอบแทนอยู่ที่กว่า 4%
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมดเพื่อจ่ายเงินคืนผู้ถือหน่วยของ ”กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11” ในวันที่ 18 มีนาคม 2553 ส่วน “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 12” รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมดเพื่อจ่ายเงินคืนผู้ถือหน่วย ในวันที่ 23 มีนาคม 2553 นี้
นายธีรนาถกล่าวว่า ในช่วงเสนอขายกองทุน เรามีมุมมองว่าในช่วงดังกล่าวอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้สูงน่าจูงใจ และมีโอกาสทำกำไรเมื่ออัตราผลตอบแทนหุ้นกู้ปรับตัวลง (ราคาหุ้นกู้ปรับตัวสูงขึ้น) จึงกำหนดเงื่อนไขให้สามารถเลิกกองทุนได้ก่อนครบอายุโครงการ 2 ปี หากหน่วยลงทุน (NAV) มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.42 บาท ณ วันทำการใด ภายในระยะเวลา 1 ปี
“การปิดกองทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11 และ 12 ได้ก่อนกำหนด นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการบริหารจัดการกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ ที่มุ่งเน้นคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน และให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพึงพอใจ ซึ่งระยะเวลาในการบริหารกองทุนดังกล่าวนี้ใช้เวลาเพียง 11 เดือนและ 9 เดือน เท่านั้น และสามารถให้ผลตอบแทนได้กว่า 4% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศค่อนข้างมาก”
อย่างไรก็ตาม บลจ.ทิสโก้ ยังมีแผนที่จะเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี อายุประมาณ 1 ปี 9 เดือน เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่มีความคล่องตัวสูง สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ อีกทั้งยังป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไว้เต็มจำนวน โดยมีโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศ และผลตอบแทนไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกด้วย
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบลจ.ทิสโก้ เสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11 และ กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 12 ซึ่งมีนโยบายมุ่งรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชนในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้ผลตอบแทนของทั้ง 2 กองทุนปรับขึ้นเข้าเงื่อนไขการเลิกโครงการได้ก่อนกำหนด โดยมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 10.4236 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 12 เพิ่มขึ้นเป็น 10.4231 บาทต่อหน่วย ทำให้สามารถเลิกกองทุนได้ก่อนกำหนด ซึ่งใช้เวลาเพียง 11 เดือน และ 9 เดือน ตามลำดับ เท่านั้นโดยสามารถให้ผลตอบแทนอยู่ที่กว่า 4%
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมดเพื่อจ่ายเงินคืนผู้ถือหน่วยของ ”กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11” ในวันที่ 18 มีนาคม 2553 ส่วน “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 12” รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมดเพื่อจ่ายเงินคืนผู้ถือหน่วย ในวันที่ 23 มีนาคม 2553 นี้
นายธีรนาถกล่าวว่า ในช่วงเสนอขายกองทุน เรามีมุมมองว่าในช่วงดังกล่าวอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้สูงน่าจูงใจ และมีโอกาสทำกำไรเมื่ออัตราผลตอบแทนหุ้นกู้ปรับตัวลง (ราคาหุ้นกู้ปรับตัวสูงขึ้น) จึงกำหนดเงื่อนไขให้สามารถเลิกกองทุนได้ก่อนครบอายุโครงการ 2 ปี หากหน่วยลงทุน (NAV) มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.42 บาท ณ วันทำการใด ภายในระยะเวลา 1 ปี
“การปิดกองทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11 และ 12 ได้ก่อนกำหนด นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการบริหารจัดการกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ ที่มุ่งเน้นคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน และให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพึงพอใจ ซึ่งระยะเวลาในการบริหารกองทุนดังกล่าวนี้ใช้เวลาเพียง 11 เดือนและ 9 เดือน เท่านั้น และสามารถให้ผลตอบแทนได้กว่า 4% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศค่อนข้างมาก”
อย่างไรก็ตาม บลจ.ทิสโก้ ยังมีแผนที่จะเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี อายุประมาณ 1 ปี 9 เดือน เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่มีความคล่องตัวสูง สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ อีกทั้งยังป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไว้เต็มจำนวน โดยมีโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศ และผลตอบแทนไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกด้วย